วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

117

ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน

– ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวลดลง จากคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และในทวีปยุโรป รวมถึงภาวะหนี้สินของประเทศตลาดเกิดใหม่ต่างๆ และการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก

– สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงาน ปริมาณน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันที่ชะลอตัวลง

– ซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นประเทศผู้นำในกลุ่มโอเปกมีความพร้อมที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตหากเกิดวิกฤติในกรณีที่อุปทานน้ำมันดิบไม่เพียงพอในช่วงปลายปีนี้ หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและประเทศพันธมิตร (OPEC+) มีมติเพิ่มกำลังการผลิตเพียง 100,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น หลังจากมีความต้องการใช้ที่ลดลงจากฤดูกาลท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ใกล้จะจบลง

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเกิดอุปทานตึงตัวในทวีปเอเชีย หลังโรงกลั่นในอินโดนีเซียปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาลในเดือน ส.ค. นี้

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp