โบรกแนะจับตา! จุดเปลี่ยนของตลาดหุ้นเดือน ส.ค.

1122

มิติหุ้น – บล.กสิกรไทย ระบุว่า ยังคงเป้าหมาย SET ปี 2565 ไว้ที่ 1,650 จุด โดยมีมุมมองเป็นกลางต่อหุ้นไทยจาก upside ที่จำกัดต่อเป้าหมาย SET ที่ 1,650 จุด ตรึงไว้ที่ EPS (กำไรต่อหุ้น) ปี 2566 ที่ 107.40 บาทและ EYG 3.47% (หรือ -0.875SD) ประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 2566 ปรับเพิ่มขึ้น 0.3% MoM มุมมองในประเทศของเราตอนนี้เห็นผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของไทยที่ 3.10% ณ สิ้นปี 2565 SET Index ลดลง -4% YTD เนื่องจาก PER ล่วงหน้า 12 เดือน ถูกปรับลดลงเหลือ 15.0 เท่า เทียบกับ 18.0 เท่า ณ สิ้นปี 2564 จากความกลัวเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น

อย่างไรก็ตาม EPS ของตลาด ปี 2565-2566 มีการปรับเพิ่มขึ้น 11%/20% YTD เป็น 98.3/107.40 นำโดยแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามลำดับ

จับตาจุดเปลี่ยนของตลาดหุ้น คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวในเดือนส.ค. 2565 จากการคลายความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินแบบตึงตัวของเฟด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ถึงจุดสูงสุดแล้วและภาวะถดถอยกำลังคลี่คลาย Fed Fund Futures คาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 bps ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนก.ย. และ25 bps ในทุกการประชุมสองครั้งสุดท้ายของปีนี้ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ สูงสุดที่ 3.25%-3.5% สำหรับวัฎจักรที่ตึงตัวนี้ ปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกที่สำคัญอื่น ๆ ในครึ่งปีหลังได้แก่ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ยต่ำ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ความคืบหน้าของสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน และการพัฒนาเชิงบวกในจีน ด้วยความกลัวที่ลดลง เราคาดว่านักลงทุนจะลดการถือเงินสดซึ่งเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดนับตั้งแต่การโจมตีของผู้ก่อการร้ายในเหตุการณ์ 9/11 ในไตรมาส 2/2565 ตามรายงานของ Financial Times ความเสี่ยงที่สำคัญในครึ่งปีหลังคือการหยุดส่งก๊าซของรัสเซียให้กับยุโรปอย่างกะทันหัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างมากจะบังคับให้เฟดมีท่าทีเชิงรุกมากขึ้น รวมถึงการชะลอการเปิดพรมแดนของจีนและการคงนโยบาย zero-COVID วิกฤตของหนี้และความไม่สงบทางสังคมในตลาดกลุ่มประเทศ emerging markets อาจกระทบต่อธุรกิจของบริษัทไทยบางบริษัท

ส่วน Top picks ของ KS ประตำเดือนส.ค.นี้ แบ่งการลงทุนทั้งหมดอกเป็น 5 รูปแบบ

1.หุ้นปันผล (KKP และ DTAC)
เราคาดว่าหุ้นปันผลจะออกมาดีในช่วงที่ตลาดปรับฐาน

2.หุ้นความผันผวนต่ำ (BGRIM, GPSC, BH, และ CPALL)
หุ้นความผันผวนต่ำเป็นหุ้นที่ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย

3.หุ้นเติบโต (BE8, BBIK, RBF, และ SINGER) คาดว่า BE8, BBIK, RBF และ SINGER จะมีกำไรเติบโตเฉลี่ย 40-70% ในปี 2565-2566

4.หุ้นเปิดประเทศ (MTC, PTG, ANAN, และ CENTEL)

การกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การกลับไปเรียนในโรงเรียน/ทำงานในสำนักงาน รายได้และค่าจ้างของภาคเกษตรที่สูงขึ้นจะช่วยกระตุ้นความต้องการเงินกู้ของ MTC ปริมาณการขายน้ำมันของ PTG ยอดขายของ ANAN และอัตราการเข้าพักและราคาห้องพักของ CENTEL

5.การพัฒนาเชิงบวกในจีน (PSL JWD)
การกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งและมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะช่วยเพิ่มค่าระวางขนส่งของ PSL

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp