BGC กวาดยอดขายครึ่งปีแรก 7.4 พันล้าน เติบโต 17% บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.10 บาทต่อหุ้น ครึ่งปีหลังมุ่งเน้นประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มมูลค่าสินค้า ขยายตลาดส่งออก

132

มิติหุ้น – บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC กวาดยอดขายครึ่งปีแรกรวม 7,355 ล้านบาท เติบโต 17% จากรายได้และปริมาณการขายบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเบียร์ บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม หลังเปิดประเทศหนุนท่องเที่ยวฟื้นตัวและประชาชนคลายความกังวลจากสถานการณ์โรค COVID-19 ด้านบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น มองดีมานด์ครึ่งปีหลังฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังมีปัจจัยราคาพลังงานและเงินเฟ้อสูงกดดัน วางแผนมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดการสูญเสีย เพิ่มมูลค่าสินค้า ยกระดับโรงงานสู่ Smart Factory ขยายตลาดส่งออกอเมริกา

นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถทำผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายรวม 7,355 ล้านบาท เติบโต 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 325 ล้านบาท เติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้และปริมาณการขายสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเบียร์ บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม หลังจากผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางและเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ตลอดจนประชาชนเริ่มคลายความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวไตรมาส 2 ที่ผ่านมาฟื้นตัว จากการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยและชาวต่างชาติที่มากขึ้น ทำให้ธุรกิจร้านอาหารและสถานบันเทิงกลับมาคึกคัก

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 มีรายได้จากการขาย 3,388 ล้านบาท เติบโต 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่อยู่ที่ 108 ล้านบาท ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาพลังงานและวัตถุดิบที่อยู่ในระดับสูง เช่น เศษแก้ว, เศษกระดาษ, โซดาแอช และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดการสูญเสียด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาปรับใช้ ปรับสูตรการผลิต เพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรที่ดี รวมถึงเจรจาขอปรับขึ้นราคาสินค้าเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 69.44 ล้านบาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 กันยายน 2565

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGC กล่าวต่อว่า ภาพรวมความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมถึงการคลายความกังวลต่อสถานการณ์โรค COVID-19 อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาพลังงานและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง จะเป็นปัจจัยกดดันภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ดังนั้นบริษัทฯ จึงวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสียในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาปรับใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุนและยกระดับโรงงานสู่ Smart Factory หรือโรงงาน 4.0 ปรับสูตรการผลิตเพื่อควบคุมต้นทุน ปรับปรุงเตาหลอมแก้วเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ควบคุมสต๊อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เจราจาปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุน และเพิ่มมูลค่าสินค้า นอกจากนี้บริษัทให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) มุ่งเน้นการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล โดยจัดตั้งทีมงานด้าน ESG ขึ้นโดยเฉพาะ รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง

ส่วนกลยุทธ์ด้านการขายจะมุ่งขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก และนำบรรจุภัณฑ์แพคเกจจิ้งอื่น ๆ มาจำหน่ายเพิ่มเติม ผ่านการนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบ Total Packaging Solutions ที่มีบรรจุภัณฑ์หลากหลายพร้อมบริการครบวงจร จากปัจจุบันที่มีบรรจุภัณฑ์แก้วเป็นกลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้หลักและเสริมด้วยแพคเกจจิ้ง เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp