วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

83

ราคาน้ำมันดิบปรับลด ท่ามกลางความกังวลการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายแห่งของโลก

– ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงต่ำที่สุด นับตั้งแต่เกิดสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังนักลงทุนกังวลอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง กระตุ้นให้ธนาคารกลางหลายแห่งเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความต้องการใช้น้ำมันลดลง โดยคาดหมายว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างมากระหว่างการประชุมกันวันที่ 21 ก.ย. ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีกำหนดการประชุมในวันที่ 8 ก.ย. นี้ ส่วนธนาคารกลางแคนาดาปรับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 สู่ระดับร้อยละ 3.25 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

+ นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนพลังงานในยุโรป หลังวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ขู่จะยุติการส่งพลังงานทั้งหมด หากสหภาพยุโรป (อียู) ได้เสนอกำหนดเพดานราคานำเข้าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย เพื่อพยายามลดแหล่งรายได้หลักของรัสเซีย เพื่อเป็นทุนสำหรับการปฏิบัติการทางทหารในการบุกโจมตียูเครน

– หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) เผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ก.ย. 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลงเพียง 7.3 แสนบาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับลด 8.36 แสนบาร์เรล และปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณนำเข้าน้ำมันเบนซินของฮ่องกงปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการการกักตัวของผู้เดินทางเข้ามาในประเทศ อย่างไรก็ตาม ราคายังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในภูมิภาค

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลของจีนปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งอุปสงค์ภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากการเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามเมืองใหญ่

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp