TU ซ่อนของดีเพียบ พีอีแสนถูก10 เท่า

784

 

มิติหุ้น- บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) โดย “ธีรพงศ์ จันศิริ” ซีอีโอ เปิดเผยว่า คาดผลงาน Q4/65 จะได้รับผลดีด้านต้นทุนสินค้าที่เริ่มปรับลดลงและปัญหาด้านการขนส่งสินค้าก็ลดลง ทำให้ยังมั่นใจรายได้ปี 65 จะเติบโตตามเป้า 12%

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ บริษัทยังได้รับผลดีจากการนำบ.ลูก ITC เข้าเทรด โดยเฉพาะต้นทุนดอกเบี้ยจะปรับลดลงราว 40% จาก DE ของกลุ่มจะลดจาก1.13 เท่า เหลือ 0.6 เท่า ซึ่งจะสะท้อนชัดเจนใน Q4/65 นี้ด้วยเช่นกัน

พร้อมเล็งปรับราคาสินค้าในกลุ่ม OEM เพิ่มช่วง Q1/66 นอกจากนี้ในปีหน้าโรงงานใหม่ทั้ง 3 แห่งจะแล้วเสร็จหนุนกลุ่มสินค้าไฮมาร์จิ้นเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทั้ง โรงงานอาหารสำเร็จรูปที่จะเสร็จในกลางปีหน้า, โรงงานผลิตคอลลาเจนคาดจะสร้างแล้วเสร็จเดือน ก.พ.ปี 66 และความคืบหน้าการสร้างห้องเย็นที่กานาก็จะแล้วเสร็จปีหน้าเช่นกัน อย่างไรก็ตามด้านสินค้าไฮมาร์จิ้นคอลลาเจนวอลุ่มขึ้นแท่นอันดับ1 ในโมเดิร์นเทรด ปีนี้ยอดขายราว 200 ลบ.ตั้งเป้า 3ปีข้างหน้ายอดขายแตะ 1,000 ลบ.

ด้านธุรกิจ RL คาดหวังผลงานจะฟื้นกว่า 50% ในปีหน้า หลังจากที่ผ่านมาได้เริ่มปรับราคาสินค้า และพยายามควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ มีลุ้นภายในปี 67 ผลงานจะพลิกบวก หลังสถานการณ์ต่างๆในสหรัฐเริ่มดีขึ้น โดยเป็นอีก1ธุรกิจที่สำคัญมียอดขายเฉลี่ยต่อปีราว 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีแผนจะ Spin-off เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ด้วย ซึ่งถือเป็นขาที่สี่ที่จะช่วยหนุนการเติบโตให้กับ TU

อย่างไรก็ตามจากนี้ระยะ 12-18 เดือนข้างหน้ายังต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด ทั้งทิศทางดอกเบี้ย เงินเฟ้อที่คาดว่าจะพีคกลางปีหน้า และสถานการณ์ความตึงเครียดของรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ รวมถึงความผันผวนของค่าเงินแม้ปีนี้จะเป็นปีที่ยากลำบากแต่บริษัทก็ยังสร้างยอดขายนิวไฮ และนำพาบริษัทสร้างผลกำไรดีอย่างต่อเนื่องและยังเติบโตต่อเนื่อง มา 3 ปีติดปีติดต่อกันจนส่งผลให้ พีอีบริษัทลดลงอยู่ที่ราว 10-11 เท่า เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่กังวลเรื่อง RL จะเกินไป และที่สำคัญบริษัทยังสามารถจ่ายปันผลสูงเฉลี่ย 4-5% ต่อปี ซึ่งปีนี้มีแผนชงบอร์ดเพื่อจ่ายปันผลเพิ่มมากขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 50-52% ของกำไรคาดชัดเจนปีหน้า

ไม่เพียงเท่านี้ การที่ภาระดอกเบี้ยของบริษัทลดลง ก็มีโอกาสที่ต้นปีหน้า อันดับเรตติ้งมีโอกาสขยับขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ A+ ช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยจากการระดมทุนออกหุ้นกู้ยั่งยืนลดลงอีกได้ในอนาคต

ด้านบทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดกำไร Q4/65 ที่  1,750-1,850 ลบ. ต้นทุนเริ่มทรงตัวเทียบ  QoQ พร้อมกันนี้ยังรับผลดี  ITC เข้าเทรดจะช่วยปลดล็อกมูลค่าของธุรกิจ เพราะเป็นธุรกิจที่กำไรมีโอกาสเติบโตสูง ดังนั้นโอกาสที่จะถูก Re-rate PER ให้สูงขึ้นได้ เคาะเป้า 23.40บ.

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp