AIT ก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 ‘The Next Decade’ ขับเคลื่อนธุรกิจในคอนเซปต์ DECADE ปักธงเป้าหมายรายได้ปีนี้ 7,000 ล้านบาท พร้อมโชว์ผลงานปี 65 ทำรายได้ 6,727 ล้านบาท ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.17 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้น XD 20 เมษายน 2566 นี้

261

มิติหุ้น – ‘บมจ. แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี’ หรือ (AIT) ก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 The Next Decade มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้คอนเซปต์ DECADE พร้อมปักธงเป้าหมายรายได้ปีนี้แตะ 7,000 ล้านบาท ขยายเข้าสู่ตลาดคาร์บอนเครดิต วางเป้าหมายปลูกป่าประมาณ 1,000 ไร่ โชว์ผลงานปี 65 ทำรายได้ 6,727 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 542 ล้านบาท ด้านบอร์ดประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.17 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 20 เมษายน 2566 นี้

นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจรับเหมาระบบสารสนเทศและการสื่อสารอย่างครบวงจร เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จำนวน 6,727 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้  7,035 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 542 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 527 ล้านบาท ถือเป็นการรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ทยอยส่งมอบงานให้แก่ลูกค้าทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ ได้แก่ โครงการซื้อขายและติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ (ระยะที่ 2) ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, โครงการงานจ้างพัฒนาระบบติดตามขบวนรถไฟและจัดการงานขนส่งสินค้าของการรถไฟแห่งประเทศไทย, โครงการซื้อขายระบบสำหรับขยายบริการ GDCC (VM) ของ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ พร้อมรองรับความต้องการของลูกค้า ในการให้บริการออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ครอบคลุมด้านโทรคมนาคมและไอซีที เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล ตามนโยบายภาครัฐในเรื่อง Thailand 4.0 ที่ขับเคลื่อนให้มีการลงทุนในเทคโนโลยี 5G มีการก่อสร้างระบบเครือข่ายและอุปกรณ์สื่อสารชนิดต่างๆ เพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท
(พาร์ 1 บาท) โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 20 เมษายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่
9 พฤษภาคม 2566 นี้ ทั้งนี้ สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 11 เมษายน 2566 อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท (สิบห้าสตางค์) ที่จ่ายเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 ส่งผลให้ในปี 2565 บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.32 บาท

ทั้งนี้ สำหรับผู้ถือหุ้นที่ต้องการใช้สิทธิวอแรนต์ AIT-W2 ครั้งที่ 2 บริษัทฯ ได้กำหนดวันใช้สิทธิวันที่ 31 มีนาคม 2566 นักลงทุนสามารถแสดงความจำนงระหว่างวันที่ 24-30 มีนาคม 2566 รายละเอียดเพิ่มเติมบนเว็บไซต์บริษัท ได้ที่ https://investor-th.ait.co.th/warrant_holders.html โดยบริษัทฯ จะขึ้นรายละเอียดบนเว็บไซต์ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป

ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT กล่าวเพิ่มเติมว่า ปี 2566 ถือเป็นการเริ่มต้นก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 4 The Next Decade” ของบริษัทฯ ด้วยการขับเคลื่อนธุรกิจในคอนเซปต์ DECADE’ คือ
D: Determined มีความมุ่งมั่น, E: Elaborated มีความละเอียดรอบคอบ, C: Connection มีเครือข่ายที่แข็งแรง,
A: Ambitious มีความทะเยอทะยานสู่ความสำเร็จ, D: Dare ความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทาย และ
E: Expansion มีการขยายงานอย่างต่อเนื่อง โดยการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ 7,000 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งมาจากมูลค่างานที่มีอยู่ในมือ (Backlog) ซึ่ง ข้อมูล ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 มีมูลค่างานในมือ (Backlog) จำนวน 6,700 ล้านบาท รวมถึงงานอยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) อีกจำนวน 150 ล้านบาท และอีกส่วนหนึ่งมาจากแผนงานของทางฝ่ายขายที่ได้วางเป้าหมายตามแผนกลยุทธ์ที่กำหนดไว้

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นสิ่งสำคัญ 3 เรื่องหลัก ได้แก่  (1) ขยายพื้นที่การขายและเพิ่มฐานลูกค้า (การเน้นลูกค้า) เน้นขายที่มีลักษณะเพิ่มมูลค่าให้ลูกค้า เช่น ให้คำปรึกษาร่วมกับการขายสินค้า (Consultancy Selling) มากกว่าการมุ่งเน้นขายสินค้าในลักษณะซื้อมาขายไป (2) นำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มเติม (การเน้นประสิทธิภาพ) เพื่อเสริมการบริหารงานภายในให้สามารถทำงานได้อย่าง Fully Automation และ (3) การบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด (เน้นกำไร)

สำหรับความคืบหน้าลงทุนในธุรกิจซื้อขายคาร์บอนเครดิต รวมถึงการปลูกป่าสักเชิงเศรษฐกิจจำนวนประมาณ 1,000  ไร่ ซึ่งปัจจุบัน AIT ได้ดำเนินการในการหาที่ดินสำหรับปลูกป่าเรียบร้อยแล้ว โดยที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ที่อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา โดยบริษัทฯ ได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับวิกฤตภาวะโลกร้อนที่เป็นผลมาจากก๊าซเรือนกระจก แม้ว่าการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ จะไม่กระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้น และต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon