ส่องหุ้นกลุ่มพลังงาน ครึ่งปีหลังเตรียมฉลอง

1111

จากการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้จัดประชุมขึ้น ผ่าน “วิดิโอคอนเฟอเรนซ์” ซึ่งในการประชุมครั้งนั้นได้มีมตินโยบายเกี่ยวกับการผลิตของโอเปกพลัสตามข้อตกลงในเดือนมิถุนายน 2566 ให้ปรับลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี 2567 อย่างไรก็ตาม ติดตามการประชุมของ JMMC ที่จะจัดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 4 ตุลาคม 2566 ว่าจะมีมตินโยบายอะไรออกมาเพิ่มเติม

ส่วนตอนนี้ มาดูเหล่าโบรกแนะนำกลุ่มหุ้นโรงกลั่นน้ำมันกันก่อนว่าจะมีมุมมองไปในทิศทางไหน โดยเริ่มที่……

ส่องราคาน้ำมันดิบพุ่ง หนุนแผน “โอเปกพลัส”

บล.ดาโอ ได้ระบุว่า เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางซาอุดีอาระเบียได้ประกาศขยายในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยสมัครใจเป็นจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2566 ส่งผลให้เดือนกันยายนมีการผลิตน้ำมันอยู่ที่ 9 ล้านบาร์เรล อีกทั้ง มองว่าทางซาอุดีอาระเบียนั้น จะตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

ส่งผลให้มีมุมมองเชิงบวกต่อราคาน้ำมันดิบที่จะปรับสูงขึ้น จากการที่ซาอุดีอาระเบียได้ประกาศขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ประกอบกับข่าวที่ว่าในอนาคตทางซาอุดีอาระเบียนั้น อาจจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจเพิ่มเติม โดยในช่วงครึ่งหลังปี 2566 นี้ ยังคงมองว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงอาจจะเสริมด้วยแผนการปรับลดการผลิตน้ำมันของ โอเปกพลัส

จากมุมมองข้างต้น ทำให้ยังคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” สำหรับกลุ่มพลังงาน และมองว่าเป็นผลบวกต่อหุ้นโรงกลั่น ซึ่งให้คำแนะนำ ซื้อ” หุ้น TOP ในราคา 60 บาท และ “ซื้อ” หุ้น SPRC ในราคา 10.5 บาท รวมถึงให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTTEP ในราคา 175 บาท  

หุ้นโรงกลั่น Q2 ผ่านจุดต่ำสุด

ด้าน บล.ทรีนิตี้ มองว่า ค่าการกลั่น ในตลาดได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มีนาคม 2566 มองว่า “กลุ่มโรงกลั่น” มีแนวโน้มสู่งที่ Earnings จะผ่านจุดต่ำสุด ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 และต่อจากนี้ อาจจะทำให้ Earnings momentum เป็นบวกต่อเนื่อง โดยขอแนะนำ ซื้อ” หุ้น TOP ในราคา 62 บาท, หุ้น IRPC ในราคา 2.8 บาท, หุ้น BCP ในราคา 40 บาท และหุ้น PTTGC ในราคา 50 บาท

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน วิเคราะห์ว่า หุ้นกลุ่มโรงกลั่นอยู่ในช่วงฟื้นตัวขึ้น จากค่าการกลั่นที่ปรับขึ้น โดยในไตรมาส 1 ปี 2566 ค่าการกลั่นอยู่ที่ระดับ 8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ในไตรมาส 2 ปี 2566 ลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2566 อยู่ที่ 4 เหรียฐสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ ณ ปัจจุบัน ค่าการกลั่นได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 6- 6.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน ทางฝั่งสหรัฐฯ ได้เข้าสู่ “ฤดูร้อน” ส่งผลให้ต้องใช้น้ำมันเบนซินมากขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันขยับตัวขึ้น รวมถึงค่าการกลั่นที่ขยับขึ้นตาม โดยอัตราการใช้กำลังการกลั่นได้ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 93% ซึ่งทำ “All time high” แล้ว ประกอบกับ ด้านซาอุดีอาระเบียได้ประกาศขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน และอาจเพิ่มการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ทำให้มองว่าเป็นผลบวกในระยะยาวต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น อย่างไรก็ตามในช่วงระยะสั้นอาจเป็นแรงกดดันได้

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน จึงขอแนะนำหุ้น “ถือ” หุ้น IRPC ในราคา 2.5 บาท, หุ้น BCP ในราคา 44 บาท, ESSO ในราคา 9.8 บาท 

PTTEP- TOP หุ้นเด่นในกลุ่มโรงกลั่น

ส่วน บล.กสิกรไทย กล่าวว่า จากที่ซาอุดีอาระเบียประกาศขยายการลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปอีก 1 เดือน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีดกลับ 2.5% ทำให้น้ำมันดิบเบรนท์กลับมายืนเหนือ $85 ต่อ bbl อีกครั้ง เนื่องจาก สต๊อกน้ำมันโลกจะปรับลดในอัตราที่เร่งตัวขึ้น ส่งผลให้มองว่าเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มต้นน้ำและโรงกลั่น จึงมองว่า 2 หุ้น ที่เด่นในกลุ่มของบล.กสิการไทย คือ PTTEP ในราคา 168 บาท และTOP ในราคา 55.7 บาท

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon