TU งบQ4แกร่งสุด ดีมานด์ฟื้นราคาทูน่าลด

398

มิติหุ้น – ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) ประเมินว่า ฝ่ายวิจัยฯคาดว่าไตรมาส 4 นี้ จะเป็นไตรมาสที่ TU มีผลประกอบการแข็งแกร่งสุดในปี 66 จากอุปสงค์สินค้าของ TU ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอาหารสัตว์เลี้ยง และ TU พบว่าอุปสงค์ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปเริ่มฟื้นตัว หลังราคาปลาทูน่าปรับตัวลงในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ GPM น่าจะสูงขึ้นเพราะต้นทุนวัตถุดิบปลาทูน่าคาดจะลดลด จึงเชื่อว่าไตรมาส 4 นี้ TU จะมีกำไรสุทธิกลับมาเติบโต yoy เป็นครั้งแรก

สำหรับไตรมาส 3/66 TU จะทำกำไรสุทธิได้ 1.05 พันล้านบาท ลดลง 58% yoy แต่เพิ่มขึ้น 2% qoq แรงกดดันจากรายได้การขายน่าจะลดลง 18% yoy และ 2% qoq ผลจากลูกค้าลดสต็อก, ราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป OEM ลดลง และยอดขายอาหารทะเลแปรรูปลดลง จากฐานที่สูงในไตรมาส 2/66

ทั้งนี้คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในไตรมาส 3 เพิ่มเป็น 17.3% จาก 16.9% ในไตรมาส 2 หลังต้นทุนวัตถุดิบปลาทูน่าลดลง แต่ก็ยังต่ำกว่า 18% ในไตรมาส 3 ปีที่แล้ว เนื่องจากต้นทุนปลาแพง และประสิทธิภาพการผลิตลดลงตามปริมาณขายที่ลดลง

ฝ่ายวิจัย ซีจีเอสฯ ยังคาดว่า Red Lobster (RL) จะขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 250 ล้านบาทในไตรมาส 3นี้ แม้จะดีขึ้นจากขาดทุน 339 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปีที่แล้ว แต่ขาดทุนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับขาดทุน 94 ล้านบาทในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เนื่องจากไตรมาส 3 เป็นช่วงโลว์-ซีซั่นของ RL

ขณะที่ราคาปลาทูน่า Skipjack ในไตรมาส 3 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 1,800 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้น 8% yoy แต่ลดลง 10% qoq หลังราคาลดลงมาอยู่ที่ 1,700-1,800 เหรียญสหรัฐ/ตันในเดือนส.ค.-ก.ย. โดยราคาที่ TU รับได้คือ 1,400-1,700 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่ง TU ให้ข้อมูลว่าเป็นเพราะปริมาณปลาที่จับได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ TU คาดว่าราคาปลาทูน่าจะปรับตัวลงมาอยู่เฉลี่ย 1,600 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาส 4/66 ซึ่งเราเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อ GPM ในไตรมาส 4 และไตรมาส 1/67

ฝ่ายวิจัยฯปรับประมาณการกำไรปกติต่อหุ้นในปี 66-68 ลง 5.6-6.9% สะท้อนกำไรที่อาจต่ำกว่าคาดไตรมาส 3 นี้ และยอดขายที่ฟื้นตัวช้า แต่ยังแนะนำ “ซื้อ” TU โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 67 ที่ 17.20 บาท เราเชื่อว่าธุรกิจหลักจะมีผลการดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่อง และ GPM จะฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 4

ทั้งนี้ธุรกิจในต่างประเทศและยอดส่งออกมีสัดส่วน ประมาณ 90% ของรายได้รวมของ TU จึงมอง downside risk จะมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวรุนแรง ส่วนการอ่อนค่าของเงินบาทและอุปสงค์สินค้าที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง จะช่วยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon