‘อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์’ ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ กำไรสุทธิ 726 ล้านบาท โต 10% กวาดรายได้รวม  9,416 ล้านบาท  เสนอจ่ายปันผลหุ้นละ 1.00 บาท

31

มิติหุ้น – ‘บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์’ หรือ ILM  โชว์ฟอร์มร้อนแรง สร้างผลการดำเนินงานปี 2566  ทุบสถิติรายได้ – กำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ กวาดรายได้รวม 9,416 ล้านบาท โต 4.5% ดันกำไรสุทธิทะยาน 726 ล้านบาท โต 10% เตรียมเสนอจ่ายเงินปันผล 1.00 บาทต่อหุ้น วางแผนธุรกิจปี  2567 รับปัจจัยบวกหลังจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยฟื้นตัวและนโยบายกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐที่เตรียมนำมาใช้ พร้อมตั้งเป้าหมายเติบโตต่อเนื่อง

นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านครบวงจรในประเทศไทย เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2566 ว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องอีกครั้ง โดยสามารถทำรายได้รวม 9,416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% จากปี 2565 ซึ่งทำได้ 9,009 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 726 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2565 ซึ่งเคยทำได้ 659 ล้านบาท ถือเป็นการทำลายสถิติสูงสุดของบริษัทฯ ก่อนหน้าที่ทำได้เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา

ขณะที่ ผลการดำเนินการไตรมาส 4/2566 (ตุลาคม-ธันวาคม 2566) ของบริษัทฯ มีรายได้รวม 2,570 ล้านบาท เติบโต 4% จากปี 2565 ที่ทำได้ 2,470 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 197 ล้านบาท เติบโต 7% จากปี 2565 ที่ทำได้ 184 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายเติบโตมากกว่า 4% YoY เป็นการเติบโตจากช่องทางร้านค้าปลีกของบริษัทฯ และช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ขณะที่รายได้จากการให้เช่าและบริการรักษาการเติบโตมากกว่า 8% YoY ทั้งนี้ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงาน ปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ซึ่งจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.25 บาท ต่อหุ้น คงเหลือที่ต้องจ่ายผู้ถือหุ้นเพิ่มอีก 0.75 บาทต่อหุ้น โดยจะนำเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป

“ปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของ ILM นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ โดยมี 3 ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้ ILM เติบโตก้าวหน้าและมั่นคง ได้แก่ 1.ทีมผู้บริหารและพนักงานทุกท่านที่ทุ่มเทและเอาใจใส่ลูกค้า รวมทั้งความสามารถในการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ 2.การปรับกลยุทธ์ด้านการขายให้มีความหลากหลายสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค ทั้งการขายผ่านช่องทางหน้าร้านค้าปลีก การขายผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ของบริษัทฯ และพันธมิตร ผ่านรูปแบบต่างๆ อาทิ การทำโปรโมชันแคมเปญ กิจกรรมด้านการตลาด และ CRM เป็นต้น  3.การปรับโฉมและเปิดตัวสาขาใหม่ๆ ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ มากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้จากการให้เช่าและบริการด้วย โดยในปีที่ผ่านมา ได้เปิดให้บริการ LITTLE WALK (แห่งที่ 4) สาขากรุงเทพ-กรีฑา ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สามารถปิดดีลจากร้านค้าเช่า 100% ได้ในเวลาอันรวดเร็ว รวมทั้งมีการปรับโฉมครั้งใหญ่ของ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาภูเก็ตและสาขาพัทยา ที่ดำเนินการแล้วเสร็จในปีที่ผ่านมา” นางสาวกฤษชนก กล่าว

ขณะที่ทิศทางการเติบโตของธุรกิจในปี 2567 เมื่อประเมินจากภาพรวมเศรษฐกิจไทย พบว่ายังคงมีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งจากการเร่งขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ อาทิ Easy E-Receipt ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี ปัจจัยสนับสนุนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทยอยฟื้นตัว ช่วยหนุนยอดขายหน้าร้านค้าปลีกของบริษัทฯ โดยเฉพาะสาขาที่อยู่ในจังหวัดท่องเที่ยว โดยประเมินว่ายอดขายหน้าร้านค้าปลีกและช่องทางออนไลน์ของบริษัทฯ ในปีนี้จะยังคงเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเติบโตของรายได้จากพื้นที่เช่า อีกทั้งบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายสาขาอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และ Little Walk เพิ่มเติมอีก 1-2 แห่ง ภายในปีนี้

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon