วายุภักษ์ เชื้อเพลิงกองใหม่ หวังดันดัชนี

606

หลังจากหุ้นไทยปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 1,400 จุด ต้อนรับนายกคนใหม่ และสถานีต่อไปที่นักลงทุนเฝ้ารอคือ กองทุนวายุภักษ์ 1 คาดหวังว่าจะมีเม็ดเงินก่อนใหม่ 1.5 แสนลบ. เข้าสู่ตลาดหุ้นไทยทำให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยกองทุนนี้จะเหมาะกับกลุ่มคนวัยเกษียณที่ต้องการสภาพคล่อง หรือคนที่ต้องการออมเงินในระยะยาว แต่จะไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี

ซึ่งระยะแรกจะเน้นลงทุนในหุ้นเป็นหลัก ตามภาวะตลาดเพื่อให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับคะแนน SET ESG Ratings สูง รวมถึงหุ้นใน mai ที่มีสภาพคล่องดี เมื่อดัชนีหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้น จะช่วยดึงให้บรรดาหุ้น IPO ที่จะเข้าเทรดหรือเลื่อนการเข้าเทรด กลับมามากขึ้น โดยเม็ดเงินใหม่ 1.5 แสนลบ. แบ่งเป็นนักลงทุนรายย่อยในประเทศ 30-50 ลบ. นักลงทุนสถาบันและนิติบุคลเฉพาะกลุ่ม 1 – 1.2 แสนลบ.

 

ลุ้นเม็ดเงินเข้าหุ้นไทย ต.ค.นี้

โดยจะเริ่มซื้อขายวันที่ 16 – 20 ก.ย.67 ราคาเสนอขายหน่วยลงทุน 10.00 บาท/หน่วย มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท ระยะเวลาการลงทุน 10 ปี ปี ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้กองทุน 25 ก.ย.67 จัดสรรด้วยวิธี Small Lot First ทำให้ทุกคนที่จองมีสิทธิ์ได้กองทุนทุกคน โดยคนที่จ่ายเกิน 10,000 บาท จะได้หน่วยลงทุนเพิ่มภายหลัง แต่อาจไม่ได้เต็มจำนวน

และจะเริ่มลงทุนในวันที่ 1 ต.ค.67 ซึ่งคาดว่าเม็ดลงทุนจริงจะไหลเข้าหุ้นไทย รวมถึงคาดจะเข้าเทรดในตลท. วันที่ 7 ต.ค.67 สำหรับคนที่อยากซื้อขายกองทุนในตลาดรอง แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะซื้อหน่วยลงทุนในราคาไหน กองทุนจะคิดที่หน่วยลงทุนที่ 10 บาท

ทั้งนี้กองทุนวายุภักษ์ 1 มีการคุ้มครองเงินต้นและให้ผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% สูงสุดไม่เกิน 9% มากกว่าการลงทุนในพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.7% โดยจะจ่ายในรูปแบบเงินปันผล 2 ครั้ง/ปี แบ่งเป็นจ่าย 1.5% ในกลางปี และจ่ายส่วนที่เหลือในสิ้นปีตามผลดำเนินการ ซึ่งตั้งแต่ปี 57-66 มีอัตราเงินปันผลรับต่อ NAV เฉลี่ย 3.75% ต่อปี โดยปัจจุบันมี NAV เฉลี่ย 3.28 แสนลบ. มีกำไรสะสม ณ วันที่ 30 มิ.ย. 67 ที่ 1.42 แสนลบ.

 

ความเสี่ยงน้อย มั่นใจได้เงินต้นคืน

นักวิเคราะห์ บล.พาย กล่าวว่า ความเสี่ยงในการที่จะเสียเงินต้นมีน้อยมาก เนื่องจากกองทุนมี NAV รวมอยู่ที่ 5.03 แสนลบ. แบ่งเป็นของคลัง 3.53 แสนลบ. และนักลงทุนทั่วไป 1.5 แสนลบ. ถึงแม้ NAV จะลดลง แต่ด้วยเงินของคลังที่มีมากถึง 2 เท่า จึงมีเงินเพียงพอที่จะนำมาจ่ายเงินต้นคืนในวันที่ครบกำหนด รวมถึงเงินปันผลทุกปี ยกเว้นเหตุไม่คาดฝัน อย่างเกิดสงครามบริเวณประเทศไทย หรือ SET ร่วงหลุด 500 จุด สิ่งที่จะทำให้เงิน 5.03 แสนลบ. ลดต่ำกว่า 1.5 แสนลบ. ในระยะเวลาอันสั้น

อย่างไรก็ดีมองว่าเป็นการจำกัด downside หุ้นไทยในระยะเวลา 10 ปี รวมถึงจะมีกองทุน ThaiESG ตามมา ช่วยชะลอการปรับตัวลงแรงของ SET ดังนั้นหุ้นที่จะได้ประโยชน์ แนะ ADVANC ,AOT ,AP ,BBL ,BEM ,BGRIM ,BJC ,CPALL ,CPAXT ,CPN ,CRC ,GLOBAL ,GPSC ,HMPRO ,KBANK ,MAJOR ,MC ,MINT ,ORI ,PLANB

 

ลุ้นดัชนีขึ้นทดสอบ 1,593 จุด

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มองว่าเม็ดเงินจากกองทุนจะเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยได้ตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค. เป็นต้นไป ซึ่งหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจในการทยอยสะสมหุ้นเพื่อลงทุนระยะยาว คาดสิ้นปีนี้มีโอกาสปิดสูงกว่า 1,415.85 จุด และลุ้นทดสอบที่ระดับ 1,593 จุด ในปี 68 คาดว่าหุ้นที่จะได้รับประโยชน์มี 3 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่ม SET100 และ มี SET ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป ได้แก่ ADVANC ,AOT ,BBL ,BCP ,BDMS ,CPALL ,GULF ,KTB ,LH ,PTT ,SCC ,WHA กลุ่ม PF&REITs, IFF ที่มีสภาพคล่องสูง ได้แก่ CPNREIT ,DIF ,TFFIF กลุ่ม Non SET100 และ มี SET ESG Ratings ระดับ AA ขึ้นไปได้แก่ BBGI ,MC ,PR9 ,SABINA ,TVO ,WHAUP

 

ได้แรงหนุน 2 ขา ทั้งวายุภักษ์ และ ThaiESG

บล.กรุงศรี ประเมินเม็ดเงินใหม่ที่ทยอยลงทุนในตลาดนับจาก 1 ต.ค.67 สามารถเลือกลงทุนได้หลากหลาย แต่จะเน้นการลงทุนที่หุ้นไทยเป็นหลัก โดยเฉพาะหุ้นที่มี ESG  Score สูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการลงทุนกองทุน ThaiESG เกณฑ์ใหม่ อย่างไรก็ดียังมีข้อจำกัดบางส่วน อาทิ ลงทุนในหุ้นได้ไม่เกิน 25% ของ NAV และกลุ่มธุรกิจได้ไม่เกิน 30% ของ NAV กลยุทธ์การลงทุนแนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์และอยู่ใน ThaiESG ใน 6 กลุ่ม ได้แก่

กลุ่มที่ 1 หุ้นที่คลังถือหุ้น อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีเติบโตดี 67-68 ให้ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นอยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation  Zone การเติบโตดี ให้ CPALL ,SCC ,MINT ,CRC ,HMPRO ,SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SET ESG สูง เติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ให้ ADVANC, GULF

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Div Yield ปี 67-68 สูงกว่า 5% และอยู่ใน ThaiESG ให้ KBANK ,BBL ,HMPRO ,INTUCH

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score ให้ CPALL ,CPAXT ,BDMS ,CRC ,HMPRO ,IVL ,MTC ,BJC ,WHA

กลุ่มที่ 6 กองทุนลดหย่อนภาษี TESG ที่น่าสนใจ  โดยคาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาเพิ่มเติมในช่วงปลายปี แนะนำ K-TNZ-ThaiESG , ES-SETESG-THAIESG-A , ONE-THAIESG

ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของปี 67 ยังเป็นบวก คาดเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยมีหลักๆ 2 ส่วน ซึ่งส่วนใหญ่จะมาในช่วง Q4/67 สูงถึงราว 1.2-1.7 แสนลบ. ต่อยอดด้วยเม็ดเงิน ThaiESG เต็มปีในปี 68 อีก 7.8 หมื่นลบ. ซึ่งจะหนุน SET เดินหน้าสู่เป้าหมายสิ้นปี 67 ที่ 1,540 จุด

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon