KTAM  แนะกระจายความเสี่ยง รับมือตลาดผันผวน

11

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกในปี 2568 นี้ว่าเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกปั่นป่วนรุนแรงในช่วงต้นปี 2568 จากการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าโดยสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ต่างๆ ก็เริ่มคลี่คลายลงหลังมีการบรรลุข้อตกลงและการประกาศอัตราภาษีที่ชัดเจนและไม่ได้สูงเหมือนครั้งแรกที่ประกาศ

อีกทั้ง เศรษฐกิจต่างๆ ได้แรงส่งจากการเร่งส่งออกล่วงหน้า (Front loading) ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ทำให้ภาวะเศรษฐกิจออกมาดีกว่าที่หลายฝ่ายคาด จึงเป็นการเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุน ส่งผลให้สินทรัพย์การลงทุนฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องโดยมีหลายดัชนีทำสถิติสูงสุดใหม่

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกในไตรมาส 3 ยังคงทะยานขึ้นต่อ ซึ่งโดยปกติแล้วสินทรัพย์เสี่ยงจะให้ผลตอบแทนไม่ดีนักในไตรมาส 3 แต่ในปีนี้ ดัชนี MSCI ACWI ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.2% QTD ท่ามกลางความหวังว่าFed จะลดดอกเบี้ยมากขึ้น และผลกระทบจากการขึ้นภาษียังไม่ชัดเจน โดยมองว่าเศรษฐกิจยังคงอาจจะชะลอลงในช่วงถัดไปจากหลาย ๆ ปัจจัย อาทิ การเร่งส่งออกล่วงหน้าแทนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่จะชะลอลงการที่ Fed มีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยมากขึ้น

แนะกระจายการลงทุน

รวมถึงยุโรปที่คาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายด้านกลาโหมที่สูงขึ้นก็ดูลดลงไป อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวนี้ก็จะไม่มีความรุนแรงจนทำให้เศรษฐกิจหดตัวลงอีกทั้ง ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องติดตามซึ่งอาจมีผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนในระยะถัดไป จึงแนะนำให้นักลงทุนเน้นการกระจายความเสี่ยงมากขึ้น โดยมองว่าความโดดเด่นของหุ้นกลุ่มเทคฯ ยังคงมีอยู่ แต่อาจกระจายการลงทุนไปยังภูมิภาคอื่นๆ ที่มีการเติบโตที่ชัดเจน

โดยการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ จึงแนะนำ 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเคแทม ออล เอเชีย แปซิฟิก อิควิตี้ ฟันด์ (KT-AASIA) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Fidelity Funds – Pacific Fund (กองทุนหลัก) ,กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เทคโนโลยี อาร์ทิฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์ อิควิตี้ ฟันด์ (KT-WTAI) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนใน Allianz Global Artificial Intelligence (กองทุนหลัก) และ กองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ ฟันด์ (KT-US) (ความเสี่ยงระดับ 6)

สำหรับตลาดหุ้นไทย ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 ดัชนี SET ปรับลดลงโดยมาจากปัจจัยภายนอกเรื่องความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีของสหรัฐฯ และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ไม่เป็นไปตามคาด และภาคการท่องเที่ยวที่ไม่ฟื้นตัว รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ

รัฐเร่งฟื้นความเชื่อมั่น

อย่างไรก็ตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่พร้อมกับความพยายามฟื้นความเชื่อมั่นด้วยทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจมืออาชีพที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งอาจจะเป็นแรงส่งที่สำคัญสำหรับภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ รวมทั้งได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ จึงแนะนำ 2 กองทุน ได้แก่กองทุนเปิดกรุงไทย สมาร์ท อิควิตี้ ฟันด์ (KTEF) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้นโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV ในหุ้นที่จดทะเบียนใน SET ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี

และกองทุนเปิดกรุงไทย หุ้นไฮดิวิเดนด์ (KT-HiDiv) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่จดทะเบียนใน SET ที่มีปัจจัยพื้นฐานผลการดำเนินงานที่ดี มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดีสม่ำเสมอ และ/หรือมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลในอนาคต นอกจากนี้ กองทุน KT-HiDiv-D  และ KT-HiDiv RMF ยังได้รับรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมจาก Morningstar Awards for Investing Excellence ในกลุ่มกองทุนหุ้นขนาดใหญ่มา 2 ปีติดต่อกัน คือ ปี 2567 และปี 2568

สำหรับตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ มองว่า หาก Fed ส่งสัญญาณที่ Dovish มากขึ้นหลังการประชุมก็จะส่งผล

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon