มิติหุ้น – บมจ.เนชั่น กรุ๊ป (NATION) ได้ประกาศผลประกอบการสำหรับไตรมาส 2 ปี 2568 ที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยบริษัทสามารถลดผลขาดทุนได้อย่างมีนัยสำคัญถึง 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมกับการเติบโตของรายได้ โดยเฉพาะจากช่องทางออนไลน์ และยังควบคุมต้นทุนได้อย่างดี ขณะที่ EBITDA เริ่มกลับมาเป็นบวก
สำหรับผลการดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2568 รายได้รวมของกลุ่มบริษัทสำหรับงวดหกเดือนปี 2568 เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากรายได้จากการบริการและการขายที่เพิ่มขึ้น 7% และรายได้ค่าโฆษณาที่เพิ่มขึ้น 9% การเติบโตนี้เป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคหันมาใช้สื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้จากการขายโฆษณาสื่อออนไลน์ของบริษัทเติบโตสูงถึงประมาณ 33%
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีผลขาดทุนรวม 47.99 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดทุนที่ลดลงอย่างมากถึง 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่มีผลขาดทุน 399.58 ล้านบาท ในส่วนของงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทมีผลขาดทุนรวม 132.55 ล้านบาท ลดลง 74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 509.87 ล้านบาท ซึ่งรวมการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์จำนวน 288 ล้านบาทในปีที่แล้ว
นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนชั่น กรุ๊ป กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานที่ออกมาสะท้อนถึงสัญญาณเชิงบวก กับทิศทางที่ดีขึ้นของอนาคตบริษัท ภายใต้แรงกดดันจากปัจจัยภายนอก เช่น สภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย รวมถึงการเปลี่ยนผ่านจากยุค Analog สู่ยุค Digital AI”
“ที่ผ่านมา กว่า 9 เดือน เราบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุน Fixed Cost ของเราลดลงไปกว่า 15% หรือ กว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน โดยยังคงเน้นหลักในเรื่องการผลิตเนื้อหาสาระที่มีคุณภาพ ตามหลักจริยธรรมสื่อออกสู่สังคม”
“ในทางคู่ขนาน เรามีการศึกษาการแผนในการเพิ่มช่องทางรายได้ของบริษัท 2 ส่วน จากเดิมเรามุ่งเน้น B2B เพียงอย่างเดียว และเริ่มขยับไปสู่โมเดลธุรกิจ B2C หรือ B2B2C ในอนาคตอันใกล้ ควบคู่ไปกับการขยายกลุ่มลูกค้า และ Product ที่มากกว่าข่าว อาทิ งานในกลุ่ม Entertainment อย่างการจัดงาน Music Festival ที่ทำร่วมกับ Live Nation Asia เพื่อแบ่งกลุ่มผู้ใช้สื่อและตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น”
ซีอีโอ เนชั่น กรุ๊ป ยังย้ำต่อว่า ผลดำเนินงานที่ดีขึ้นอีกส่วนยังเกิดจากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เริ่มมาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยเฉพาะการบริหารจัดการต้นทุนจากการปรับโครงสร้างและกระบวนการทำงาน รวมถึงการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ในการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้วย ส่งผลให้ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) ลดลงไปค่อนข้างมาก ทั้งนี้ ผลจากการลดต้นทุนเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้นสะท้อนผ่าน EBITDA ของบริษัทที่เริ่มกลับมาเป็นบวกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
นายฉาย กล่าวทิ้งท้ายว่า “แม้วันนี้เนชั่นกรุ๊ป จะยังมีผลขาดทุนทางบัญชี แต่เราได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากที่สุดไปแล้ว จากการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อเดินหน้าสู่อนาคต และผลลัพธ์แห่งการทุ่มเทของพนักงานเครือเนชั่นกรุ๊ปทุกคน เริ่มผลิดอกออกผลจากงบการเงินที่สะท้อนออกมา และในปีหน้า จะเป็นปีแห่งการปรับยุทธศาสตร์หลัก ปรับโมเดลธุรกิจต่างๆ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัลในอนาคต”
นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารยังได้กำหนดแนวทางและมาตรการเชิงกลยุทธ์เพื่อแก้ไขสถานการณ์ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในแต่ละหน่วยธุรกิจ เพิ่มช่องทางหารายได้ใหม่ ลดความซ้ำซ้อนของหน่วยงานบางส่วน และส่งเสริมการร่วมมือแลกเปลี่ยนทรัพยากรภายในองค์กร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon