TMILL เตรียมแผนเทกโอเวอร์ กินรวบกลุ่มSMEฟาดมาร์จิ้น50%

203

มิติหุ้น-TMILL จ่อเทกโอเวอร์ธุรกิจอาหารในไทยไตรมาส 4/61 นี้ ชี้บุ๊ครายได้ทันที พร้อมทำดีลเทกโอเวอร์ในเกาหลีใต้ต่อไป ส่วนปี 61 ปั๊มผลงานโต 30% เจาะกลุ่ม SME หวังกินมาร์จิ้น 20-50% โกยลูกค้า 300 ราย สุดปลื้มบาทแข็งค่าดันกำไร    

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า “บมจ.ที เอส ฟลาวมิลล์ หรือ TMILL” โดย “ดร.ชาญกฤช เดชวิทักษ์” รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ TMILL เผยอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) และร่วมทุนธุรกิจอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน 2 ราย ซึ่งเป็นทั้งบริษัทในประเทศไทยและประเทศเกาหลีใต้เทกธุรกิจอาหารQ4/61

อย่างไรก็ดีในปี 2561 นี้จะขอโฟกัสดีลในประเทศไทยก่อน เบื้องต้นบริษัทจะสรรหาที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เพื่อทำดีลนี้ ซึ่งรูปแบบการลงทุนมี 2 แนวทาง คือ “ตั้งบ.ร่วมทุนและถือหุ้น 50:50” หรือ “เทกโอเวอร์” โดยคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ในช่วงไตรมาส 4/2561 นี้ และรับรู้ส่วนแบ่งกำไร-รายได้เข้ามาทันที

สำหรับดีลในประเทศเกาหลีใต้นั้น ล่าสุดผู้บริหารระดับสูงได้มีการร่วมพูดคุยและชักชวนเข้ามาร่วมทุนแล้ว โดยพันธมิตรเกาหลีใต้รายนี้มีแบรด์นอาหารของตัวเองและยังส่งออกไปทั่วโลกด้วย คาดดีลนี้จะเกิดขึ้นในปี 2562 โดยการลงทุนใน “ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป” นอกจากจะช่วยต่อยอดธุรกิจแล้ว ยังสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วย

เน้นทำกำไรดันงบโต30%

ส่วนทิศทางธุรกิจปี 2561 แม้จะสู้ปี 2560 ไม่ได้เพราะเป็นปีทองที่ทำกำไรนิวไฮในรอบ 10 ปี แต่ผลงานในปี 2561 จะโตกว่า 30% จากปี 2559 โดยบริษัทจะใช้กลยุทธ์ 1. เน้นทำการตลาดเจาะกลุ่ม SME เพราะให้มาร์จิ้นสูงถึง 20-50% เทียบรายใหญ่ที่ 5% ซึ่งตั้งเป้าฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 300ราย จากเดิม 100-200 ราย คาดกำลังผลิตเพิ่มเป็น 75% จาก 60-65%, 2. บริหารจัดการต้นทุน, 3.ออกผลิตใหม่ (M&A) และ4.ได้ประโยชน์และ M&A ประมาณ 10 ล้านบาท แต่ก็ไม่มีนัยสำคัญ

กำไรนิวไฮ-เป้า7.80บ.

ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ “เพิ่มน้ำหนัก” ลงทุนในหุ้น TMILL แม้ไตรมาส 4/2560 กำไรจะชะลอตัว เพราะงานพระราชพิธีในเดือน ต.ค. ทำให้ยอดขายได้รับผลกระทบ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นชะลอลงเนื่องจากราคาข้าวสาลีที่ปรับตัวขึ้น แต่ผลกำไรปกติทั้งปี 60 ก็อยู่ที่ 100 ล้านบาท หรือเติบโตถึง 44% จากปีก่อน

ส่วนไตรมาส 1/61 จะกลับมาเติบโตได้ดีตามความต้องการที่กลับมาเร่งตัวขึ้น พร้อมกันนี้การที่ต้นทุนวัตถุดิบกว่า 90% คือ ข้าวสาลี ซึ่งมีการนำเข้าทั้งหมดทำให้ TMILL ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งมีการล๊อคราคาล่วงหน้าทำให้ผลประโยน์ที่ได้จะเริ่มเกิดในไตรมาส 2/61 ดังนั้นคาดไตรมาส 2/2561 ทั้งกำไรและรายได้จะเติบโต New high ล่าสุดราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER 2561 เพียง 15 เท่า ต่ำกว่าหุ้น MAI และ กลุ่มค้าปลีกจึงเป็นโอกาส “ซื้อสะสม” เป้า 7.80 บาท