สแกนหุ้นกลุ่ม รพ. แกร่งสวนตลาด BH-BDMS-BCH เด่น

1002
มิติหุ้น – สแกนหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล แกร่งชนะตลาด โบรกฯ ชี้เป็นหุ้น Defensive ไม่ผันแปรตามภาวะเศรษฐกิจ ราคาแกว่งตัวน้อยกว่าตลาด นักลงทุนสนใจเก็บเข้าพอร์ตเพิ่ม แนะ BH, BDMS, BCH, EKH และ VIBHA โตเด่น
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานความเคลื่อนไหวภาพรวมตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ปรับตัวลดลง โดยปิดที่ 1,794.21 จุด ลดลง 4.34 จุด หรือ -0.24% แต่ในส่วนของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนทางตลาดที่ลดลง โดยนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินว่า จากภาพรวมหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3-4/2560 ยังคงเป็นหุ้นในลักษณะ Defensive ที่ไม่ผันแปรตามภาวะเศรษฐกิจโลก และราคาแกว่งตัวน้อยกว่าตลาด ทำให้นักลงทุนเริ่มหันกลับมาให้สนใจหุ้นในกลุ่มนี้มากขึ้น
กลุ่ม รพ. แกร่งชนะตลาดผันผวน
ขณะที่ในปี 2561 หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลยังได้รับปัจจัยบวกสนับสนุนจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้ช่วยหนุนรายได้และอัตรากำไร  สำหรับกลยุทธ์การลงทุน มองว่ายังมีแนวโน้มเชิงบวก แนะนำ “ซื้อ” หุ้นน่าสนใจ ได้แก่ หุ้น BH, BDMS, BCH, EKH และ VIBHA
โดยประเมินหุ้น บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หรือ BH คาดปริมาณผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2561 และเติบโตแข็งแกร่งในตลาดเอเชียแปซิฟิก จากจำนวนผู้ป่วยชาวตะวันออกกลางที่ทรงตัว ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้คาดอัตรากำไรจะดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1/2561 ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 230 บาท
ส่วนหุ้น บมจ. บางกอก เชน ฮอสปิทอล หรือ BCH จะได้รับประโยชน์จากประเด็นเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินประกันสังคมแบบใหม่ ขณะที่ World Medical Center (WMC) คาดทำกำไรได้ในปี 61 และการขยายธุรกิจในและต่างประเทศยังเป็นไปตามแผน คาดกำไรจะมาจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 17 บาท
ชู BDMS โตเด่น – เป้า 24.70 บ.
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลิป (ประเทศไทย) ประเมินหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS โดยคาดแนวโน้มปี 61 การดำเนินงานจะปรับตัวเด่นกว่าที่ประเมินก่อนหน้า จากจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น บวกกับมีผู้ป่วยต่างชาติเข้าใช้บริการมากขึ้น รวมถึงยังมีบริการใหม่ๆ จากการร่วมมือกับบริษัทประกันสุขภาพ และแนวโน้มไตรมาส 1/2561คาดรายได้เติบโตโดดเด่น หลังมีโรคระบาดและไข้หวัดใหญ่ ดังนั้น คงคำแนะนำ “ทยอยซื้อ” โดยปรับราคาพื้นฐานปี 61 เป็น 24.70 บาท