ได้ฤกษ์เสนอขายกองทุน“DIF” เคาะช่วงราคา13.60-13.90บาท

1923

มิติหุ้น – กองทุน DIF ลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม พิจารณาออกและเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ไม่เกิน 3,831 ล้านหน่วย พร้อมเคาะช่วงราคาเสนอขายหน่วยลงทุนที่ 13.60-13.90 บาทต่อหน่วย

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF เตรียมเข้าลงทุนในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมครั้งที่ 3 กำหนดเพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนรวมไม่เกิน 53,237 ล้านบาท โดยนายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ หรือ SCBAM ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวม DIF เปิดเผยว่า การกำหนดเพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนรวมไม่เกิน 53,237 ล้านบาทนั้น คำนวณจากมูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 10 บาท โดยจะออกและเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่รวมไม่เกิน 3,831 ล้านหน่วย เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering) โดยจัดสรรให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมและประชาชนทั่วไป
ก.ล.ต.กดไฟเขียวแล้ว

พร้อมเคาะช่วงราคาเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมที่ 13.60-13.90 บาทต่อหน่วย ซึ่งการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 3 นี้ จะมีส่วนช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมในประเทศไทย เพื่อรองรับปริมาณความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟนและระบบบรอดแบนด์ที่เพิ่มขึ้น จากการเปลี่ยนมาใช้ระบบ 4G LTE และการติดตั้งระบบ 5G ในอนาคต

ล่าสุด ทางสำนักงาน ก.ล.ต. ได้พิจารณาอนุมัติการเสนอขายหน่วยลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และการเสนอขายให้กับ
ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน (Record Date) กำหนดในวันที่ 17 เม.ย. 2561 ตามสัดส่วนการถือหน่วยลงทุน ซึ่งจะมีสิทธิในการจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ในอัตราส่วนเท่ากับ 2.0911 หน่วยลงทุนเดิม ต่อ 1 หน่วยลงทุนใหม่ โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XB วันแรกในวันที่ 12 เม.ย. 2561 ซึ่งเป็นวันแรกที่ผู้ซื้อหน่วยลงทุนไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ และเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป (Public Offering) จัดสรรโดยวิธี Small Lot First

แจงแผนใช้เงินระดมทุน
นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน Sole Global Coordinator และผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนในประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การระดมทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ จะนำมาลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ได้แก่ 1.กรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมที่ใช้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 2,589 เสา 2. กรรมสิทธิ์ในใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Cable หรือ FOC) สำหรับให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในต่างจังหวัดประมาณ 252,006 คอร์กิโลเมตร 3.กรรมสิทธิ์ในใยแก้วนำแสงสำหรับให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตในกรุงเทพฯ และปริมณฑลประมาณ 117,871 คอร์กิโลเมตร

4. กรรมสิทธิ์ในใยแก้วนำแสง ซึ่งรองรับระบบ FTTx สำหรับให้บริการอินเทอร์เน็ตและบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตในต่างจังหวัดประมาณ 220,428 คอร์กิโลเมตร และ 5. สิทธิการเช่าระยะยาวประมาณ 30 ปีในใยแก้วนำแสงรองรับระบบ FTTx สำหรับให้บริการอินเทอร์เน็ตและบรอดแบนด์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลประมาณ 619,986 คอร์กิโลเมตร รวมทั้งสิทธิการซื้อ (Call Option) ใยแก้วนำแสงที่รองรับ FTTx ดังกล่าว โดยมีราคาใช้สิทธิสำหรับซื้อกรรมสิทธิ์ในใยแก้วนำแสง 1,300 ล้านบาท

ดีเดย์วันจองซื้อ 2-11 พ.ค.นี้
ด้านนายประเสริฐ ดีจงกิจ SVP ผู้จัดการ ฝ่ายทุนธนกิจ สายวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนในประเทศ กล่าวว่า ได้กำหนดเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ที่จะเสนอขายในวันที่ 2 – 8 พ.ค. นี้ และเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อในวันที่ 2 – 11 พ.ค.2561 (เฉพาะวันทำการ) ได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ยกเว้นสาขาไมโคร และธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ

โดยผู้จองซื้อทั่วไปต้องชำระค่าจองซื้อหน่วยลงทุนที่ราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น คือที่ราคา 13.90 บาทต่อหน่วย สำหรับราคาเสนอขายสุดท้ายจะถูกกำหนดหลังจากการ Bookbuild ของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งคาดว่าจะประกาศอย่างช้าวันที่ 14 พ.ค. 2561 ทั้งนี้ หากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่า 13.90 บาทต่อหน่วย หรือไม่ได้รับการจัดสรรหน่วยลงทุนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน นักลงทุนจะได้รับเงินค่าจองซื้อคืนภายใน 7 วันทำการ โดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร หรือภายใน 10 วันทำการ โดยการชำระเป็นเช็ค หรือแคชเชียร์เช็ค ซึ่งนับจากวันสิ้นสุดระยะเวลาการเสนอขาย