“ศรีสวัสดิ์”ยันธุรกิจเติบโตแจงปรับปรุงบัญชีต้นเหตุกำไรต่ำกว่าความจริง

202

มิติหุ้น- SAWAD ยันผลการดำเนินงานยังเติบโต 10% แจงปรับปรุงบัญชีไตรมาส1/60 ต้นเหตุกำไรไตรมาส1/61 ต่ำกว่าความจริง   ส่วนตัวเลขหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น มาจากลูกค้าเอสเอ็มอีรายหนึ่ง  ปัจจุบันกลับมาเป็นลูกค้าปกติแล้ว  ขณะที่มูลค่าหลักประกันลูกหนี้สูงกว่ามูลหนี้

นางสาวธิดา แก้วบุตตา  กรรมการ  บริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส1/61 ที่บริษัทได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ อาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน บริษัทขอชี้แจงว่าสาเหตุที่ทำให้ภาพรวมของผลประกอบการไตรมาส1/61 บริษัทและบริษัทย่อยกำไรสุทธิลดลง 27.43% จากไตรมาส 1/2560 ที่มีกำไรสุทธิ 881.62 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส1/61 ที่มีกำไรสุทธิ 639.83 ล้านบาทเป็นเพียงการปรับลดลงทางบัญชีเท่านั้นส่วนผลการดำเนินงานจริงยังมีการเติบโตทั้งกำไรและรายได้

ประเด็นหลักที่ทำให้ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส1/2561ลดลงเมื่อเปรียบกับงวดเดียวกันของปี2560เนื่องจากสิ้นงวดบัญชี31มีนาคม 2560  บริษัทได้มีการรับรู้รายการพิเศษจากการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาธร จำกัด(มหาชน)หรือ BFIT และมีการจัดประเภทเงินลงทุนจากเงินลงทุนเผื่อขายเป็นเงินลงทุนในบริษัทย่อยตามมาตรฐานบัญชีทำให้เกิดกำไรจากการเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนจำนวน 102.06 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงรายได้อื่นๆในส่วนที่เกิดจากการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิที่ได้มาที่เกี่ยวข้องกับ BFIT อีกจำนวน185.65 ล้านบาทจากเดิมที่บันทึกต้องอยู่ในรายได้อื่นๆของงบไตรมาส4 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560

นางสาวธิดา อธิบายต่อว่าการปรับปรุงงบการเงินดังกล่าวและกำไรพิเศษที่ได้จากการจัดประเภทเงินลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในBFITทำให้รายได้รวมไตรมาส1/2560ฉบับปรับปรุงบริษัทมีรายได้รวมจำนวน1871.50 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงบก่อนปรับปรุง185.65 ล้านบาทและมีกำไรพิเศษดังกล่าวอีก102.06ล้านบาทรวมเป็นเงิน287.71 ล้านบาท ทำให้ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 1/2561 ลดลง  อย่างไรก็ตามในปี2561 นี้บริษัทจะไม่มีการปรับมูลค่าเงินลงทุนแต่อย่างใด

“หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวในไตรมาส1/2561บริษัทจะมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น160.33ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น10.12%และมั่นใจว่าภาพรวมผลประกอบการปีนี้จะยังเติบโตต่อเนื่อง และไม่มีการปรับมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มเติมอีก” นางสาวธิดา กล่าว

สำหรับประเด็นความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)ที่เพิ่มขึ้นนางสาวธิดาชี้แจงว่าเป็นเอ็นพีแอลที่เกิดจากลูกหนี้เอสเอ็มอีกรายหนึ่งที่จ่ายล่าช้ากว่ากำหนดซึ่งปัจจุบันลูกหนี้รายดังกล่าวก็ได้ทยอยจ่ายยอดค้างมาแล้ว ประกอบกับมูลค่าหลักประกันของลูกหนี้รายดังกล่าวที่นำมาวางเป็นหลักประกันไว้มีมูลค่ามากกว่ามูลหนี้