FC ยืนยันเดินหน้าผนึกไพร์มโรดกรุ๊ปรับขั้นตอนล่าออกไปเป็นQ4/61 ดันให้งบพลิกมีกำไรในรอบ 5 ปี

216

มิติหุ้น- FC เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน ยืนยันเดินหน้ารับโอนกิจการ และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนPPให้กับกลุ่มไพร์มโรดกรุ๊ป เพื่อก้าวสู่ธุรกิจพลังงานเต็มตัว ยอมรับอยู่ในขั้นตอนRelisting กับmai  คาดแล้วเสร็จภายในQ4/61 ล่าจากกำหนดเดิม แต่จะดันให้ผลประกอบการพลิกมีกำไรครั้งแรกในรอบ 5 ปี กลายเป็นบริษัทพลังงานทดแทนเต็มตัว และHigh Growth อยู่ในเรดาร์ลงทุนของนักลงทุนสถาบัน เปิดช่องให้กองทุนทั้งในและต่างประเทศเข้าถือหุ้นได้เพิ่มขึ้น

นายเอ สัจเดว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด(มหาชน) หรือFC เปิดเผยว่า บริษัทยืนยันเจตนาการรับโอนกิจการทั้งหมด รวมถึงการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง(PP) จำนวน 22,740 ล้านหุ้น ให้กับบริษัท พีอาร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(PRGD) หรือกลุ่มไพร์มโรดกรุ๊ป

ความคืบหน้าของแผนการรวมกิจการนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการยื่นคำขอให้รับหลักทรัพย์ใหม่(Relisting)ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) ที่ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทแกนจะต้องมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติในปีล่าสุดไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท โดยบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการให้คุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ และยอมรับว่าอาจทำให้กระบวนการรวมกิจการล่าช้าออกไปเป็นภายในไตรมาส 4/61 จากกำหนดเดิมคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ไตรมาส 3/61

“แผนการรับโอนกิจการ และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่ได้เปลี่ยนแปลง ยังคงเดินหน้าตามเจตนาเดิม เพียงแต่อาจล่าช้าจากคาดการณ์ไว้เท่านั้น เพราะต้องแก้ไขคุณสมบัติและยื่นRelisting กับทางตลาดหลักทรัพย์ บริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ และจะทำให้FC กลายเป็นบริษัททางด้านพลังงานทดแทน ผลประกอบการพลิกเป็นบวกทันที จากที่เคยขาดทุนติดต่อกันมาเป็นระยะเวลา 5 ปี เนื่องจากกลุ่มไพร์มโรดกรุ๊ปได้รับเงื่อนไขการขายไฟที่ดี โดยมีอัตราการรับซื้อไฟ(แอดเดอร์)ค่อนข้างสูง บางโครงการประมาณ 8 บาทต่อหน่อย อายุสัญญาระหว่าง 10-20 ปี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FC กล่าว

ปัจจุบันกลุ่มไพร์มโรดกรุ๊ปมียอดขายไฟเชิงพาณิชย์(COD) จำนวน 132 MW จาก 17 โครงการ และอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตซื้อขายไฟ(PPA) อีก 7 โครงการ รวมประมาณ 68 MW พร้อมกันนี้ ยังมองหาโอกาสในการเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน

ปัจจัยเหล่านี้จะสนับสนุนให้บริษัทฯ กลายเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงต่ำ การเติบโตมีความยั่งยืนจากโครงการที่มีอยู่ รวมถึงโครงการที่เตรียมจะCOD ในอนาคต และยังไม่นับรวมกับโอกาสใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาจากการลงทุนเพิ่มเติมของโครงการทั้งในและต่างประเทศ ทำให้FC กลายเป็นหุ้นที่มีโอกาสการเติบโตสูง(High Growth) และอยู่ในธุรกิจน่าสนใจเข้าลงทุนในสายตาของนักลงทุนสถาบัน และกองทุนต่างๆ

ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของFC เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจาก 2,767 ล้านบาท เป็น 25,508 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 22,740 ล้านหุ้น จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนด้วยการ 1.เสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด(PP) จำนวน 14,881 ล้านหุ้น ให้กับ PRGD เพื่อชำระเป็นค่าตอบแทน ตามแผนการรวมธุรกิจฯ  2. รองใบสำคัญแสดงสิทธิ FC-W5 และFC-W6 จำนวน 7,317 ล้านหุ้น และ 3. เพื่อรองรับการปรับสิทธิของ FC-W2 จำนวน 224.58 ล้านหุ้น

ผลของการเพิ่มทุนดังกล่าวจะส่งผลให้ PRGD กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของFC ในสัดส่วน 87.5% ขณะที่ นายอัครเดช ศรีชวาลา  1.26% และนายกฤษน์ ศรีชวาลา 1.09%