ปรับกลยุทธ์รับแรงซื้อหุ้นไทย

67

                 สวัสดีครับท่านนักลงทุนทุกท่าน… กำลังจะผ่านเดือนกรกฎาคมไปอีกแล้วนะครับ ดูเหมือนบรรยากาศลงทุนในช่วงปลายเดือนนี้จะมีความสดใสขึ้นมาบ้างด้วยแรงซื้อที่กลับเข้ามาในหุ้นไทยในช่วงท้ายสัปดาห์ก่อน เนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประกาศงบการเงินไตรมาสที่ 2 ของกลุ่มแบงก์ ที่ออกมาดี และการที่กลุ่มสถาบันที่ถือเงินสดรอได้กลับเข้ามาซื้อ อีกทั้งแรงขายของต่างชาติที่ลดลง ถือเป็นการทำให้ตลาดดูดีขึ้นมาก โดยที่ SET Index ปิดตลาดทำการวันแรกของสัปดาห์นี้ในแดนบวกต่อเนื่องโดยปิดตลาด +4.69 จุด โดยกลุ่มแบงก์ยังเป็น Top Pick ของซื้อขาย KTBST ก็ยังมองว่าหุ้นไทยในระยะสั้นยังไปต่อได้พร้อมกับลุ้นที่จะขึ้นไปที่ระดับ 1,700 จุด แต่ระหว่างทางอาจมีการย่อตัวลงบ้าง แต่ก็คาดว่าไม่น่าจะหลุดระดับ 1,650 จุด

ทั้งนี้ จะบอกว่าหุ้นไทยเป็นขาขึ้นแล้วก็อาจจะเร็วไปที่จะมองแบบนั้น เพราะการปรับตัวลงไปมากของหุ้นตลาดเกิดใหม่ ทำให้นักวิเคราะห์เริ่มมองว่าน่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุน ไม่ใช่เพราะตลาดมีทิศทางที่ดี แต่เพราะราคาลงไปมากจนถึงระดับที่มองกันว่าน่าเข้าไปลงทุนจึงเกิดแรงซื้อกลับเข้ามา ดังนั้นด้วยภาพของตลาดแบบนี้ ผมมองว่า SET Index ก็ไม่น่าลงไปต่ำกว่า 1,600 จุด ซึ่งถือว่าเป็นทิศทางที่ค่อนข้างจะสบายใจได้ในระดับหนึ่งว่าตลาดไม่ได้แย่นักและมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่หากมองว่าจะไปถึงระดับ 1,800 จุดนั้น อาจจะไปถึงได้ไม่เร็วนักเพราะต้องประเมินกำไรของบริษัทจดทะเบียนตั้งแต่ต้นปีกันใหม่เพื่อประกอบกันอีกที

แต่อย่างไรก็ตามโอกาสที่จะไปถึงระดับ 1,800 จุด ก็อาจจะเป็นไปได้อยู่นะครับ นั่นเพราะว่า หากมองกันในช่วงก่อนหน้านี้จะเห็นได้ว่ามีหุ้นหลายกลุ่มที่ราคาลงไปเยอะมากๆ การรีบาวน์ของตลาดช่วงนี้ แม้กลุ่มดังกล่าวจะกลับขึ้นมาไม่มากเท่าจุดเดิมที่เคยขึ้นมา แต่ก็สามารถดันให้ดัชนีวิ่งขึ้นเยอะได้ ซึ่ง ณ ตอนนี้ จะเริ่มเห็นว่านักลงทุนมีการสลับเข้ามาซื้อหุ้นที่ราคายังขึ้นมาไม่เยอะ (laggard) หรือหุ้นกลุ่มที่ราคาลงไปเยอะมากๆ ก่อนหน้านี้

ดังนั้นด้วยภาพของตลาดเช่นนี้ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนนั้น KTBST แนะนำว่าในสัปดาห์นี้มีเพียง 4 วันทำการ สิ่งที่ต้องจับตาดูคือ เรื่องความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อตลาดหุ้นไทยว่าจะกลับเข้ามาซื้อเพิ่มขึ้นแค่ไหนในช่วงจากนี้ไป  โดยหุ้นกลุ่มที่ KTBST มองว่าจะได้รับความสนใจเข้าไปลงทุนจากการที่ราคาลงไปมากได้แก่ กลุ่มความงาม ท่องเที่ยว ลีสซิ่ง  ขณะเดียวกันในช่วงนี้ นักลงทุนอาจพิจารณาขายทำกำไรในหุ้นที่ขึ้นมาก่อนหน้านี้และอาจไปต่อไม่ได้มาก

สำหรับปัจจัยต่างประเทศ เรื่องสงครามการค้าของสหรัฐฯกับจีน ที่กำลังดำเนินมาตรการตอบโต้กันอยู่นั้น เรื่องนี้ก็จะยังดำเนินยืดเยื้อต่อไปอยู่ ซึ่งตลาดก็สะท้อนข่าวเรื่องนี้ไปมากแล้ว นักลงทุนไม่กังวลเรื่องนี้หนักมากเหมือนช่วงแรกๆแล้ว แต่ก็ยังมีผลกระทบต่อตลาดอยู่เวลามีข่าวออกมาได้นะครับ รวมถึงราคาน้ำมันที่อาจจะมีผลต่อกลุ่มผู้ผลิตและผู้บริโภคได้จึงต้องจับติดตามดูต่อเนื่องครับ ..

ชาตรี  โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)

 

www.mitihoon.com