5 อันดับข่าวเด่นมิติหุ้น ภาคเช้า

285

อันดับที่ 1 PTG ปรับโครงสร้างถือหุ้นในครอบครัว “รัชกิจโฮลดิ้ง” ยันไม่มีผลกระทบการบริหารงาน

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG    โดย นายรังสรรค์ พวงปราง เลขานุการบริษัท เปิดเผยว่า   บริษัทได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัทรัชกิจโฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้น โดยโอนหุ้นที่สมาชิกในครอบครัวถืออยู่ให้แก่กัน เพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายในรองรับการกำกับดูแลธุรกิจของครอบครัวในระยะยาว โดย รัชกิจโฮลดิ้ง ยังคงสัดส่วนการถือหุ้นใน PTG ที่ 25.12% โดยอำนาจการควบคุมและการบริหารจัดการภายในบริษัทยังคงเดิม ขณะที่บริษัท ยังมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะแตะระดับ 1 แสนล้านบาทตามที่ตั้งไว้ ขณะที่ผลประกอบการจะเติบโตในระดับ 17-18% ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 18-20% ส่วนการขยายสถานีบริการสิ้นปีจะมี 1,900 แห่ง จากปัจจุบันที่มีกว่า 1,800 แห่ง และจะเพิ่มจำนวนสาขาของธุรกิจ Non-oil ให้อยู่ที่ 500 สาขา ส่วนปาล์มคอมเพล็กซ์ เริ่มเดินเครื่องแล้ว 60-70% คาดสิ้นปีนี้จะมีกำไรประมาณ 40 ล้านบาท ส่วนปี 62 จะรับรู้รายได้เต็มปีประมาณ 240-280 ล้านบาท

อันดับที่ 2 SET ส่อแววลงต่อ เหตุTrade War กดดันหนัก หุ้นเด่น CK, TKS, CPF

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.เออีซี โดยฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์  เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลง  จากแรงกดดันต่างประเทศเป็นหลัก ได้แก่ สงครามทางการค้า ( Trade War) ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะเดียวกันความกังวลในธุรกิจส่งออกของไทย หลังค่าเงินรูเปียของอินโดนีเซียดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 20 ปี รวมถึงค่าเงินรูปีที่ร่วงลงอย่างหนักต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ด้าน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) หรือ PST โดยนางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ ระบุว่า ให้แนวต้านไว้ที่ 1,690จุด และมีแนวรับที่ 1,675 จุด สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะเก็งกำไรหุ้นกลุ่มที่อิงกับปัจจัยบวกภายในประเทศและได้รับแรงหนุนจากโครงการต่างๆของภาครัฐ ได้แก่ CK, TKS โดยมีหุ้นเด่น ได้แก่ CPF ที่ได้รับปัจจัยบวกจากราคาหมูและไก่ปรับขึ้นราคา ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เป้าพื้นฐาน 28.25 บาท

อันดับที่ 3 GULF ลุยลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 326Mw ในโอมาน กูรูฟันธงครึ่งปีหลังโตชัวร์ ให้เป้า 76.5 บ.

สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.ฟิลลิป  โดย ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า จากการประเมิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF พบว่าภาพรวมกำไรในครึ่งปีหลังจะเติบโตได้อย่างโดดเด่นจากค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น ส่งให้บริษัทสามารถบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนได้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีการบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 1,230 ลบ. อีกทั้งในช่วงไตรมาส4/2561 บริษัทจะมีการรับรู้กำลังการผลิตใหม่เพิ่มเติมอีกราว 134 MWจาก 2 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ GBL และ GBP ซึ่งจะสนับสนุนกำไรสุทธิปี 62 เพิ่มเติมราว 300 ลบ. ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์จึงแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น”ทยอยซื้อ” ราคาพื้นฐานปี 61 ขึ้นที่ 76.5 บ. /หุ้น อิงวิธี SOTP ใช้ WACC ที่ 5.26%

อันดับที่ 4 BPP กางแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่ม กูรูชี้หุ้นมีอัพไซด์ เป้า “ซื้อ” 30 บ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ หรือ BPP การซื้อขายภาคเช้าวันนี้ปรับตัวขึ้นสูงสุด 24.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ +0.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 6.4 ล้านบาท

นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจปี 2561 จะมีกำไรก่อนหักภาษี ค่าเสื่อม และค่าจัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตกว่าปีก่อนที่มี EBITDA อยู่ที่ 5,410 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรก มี EBITDA ที่ระดับ 3,742 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้า COD เพิ่มขึ้น  97 MW ส่งผลให้สิ้นปีนี้ COD รวมทั้งหมดเป็น 2,160 MW ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ประเมิน จากราคาหุ้นยังมี upside อีก 21% ในขณะที่โอกาสในการเข้าลงทุนโครงการใหม่ในต่างประเทศอาจจะทำให้มี upside เพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 30 บาท

อันดับที่ 5 DRT มั่นใจรายได้ตามเป้าโต 5% หลังเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 85-90%

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT โดยนายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 5% เนื่องจากบริษัทมีอัตรากำลังการผลิตเพิ่มอยู่ที่ระดับ 85-90% จากปีก่อนอยู่ที่ 80% ขณะเดียวกันบริษัทรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 25-27% หลังจากบริษัทได้มีการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับได้ปรับราคาขายสินค้าเฉลี่ยในปีนี้เพิ่มขึ้น 3-4% ตามราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าจะต่ำกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของงานก่อสร้าง แต่อย่างไรก็ตามยังดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากได้เร่งดำเนินการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ

www.mitihoon.com