5 อันดับข่าวเด่นมิติหุ้นภาคบ่าย

183

อันดับที่ 1 CENTEL คาดกำไร Q3/61 โต 11.3% โบรกฯแนะ “ทยอยซื้อ” เป้า 46 บ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา หรือ CENTEL โดย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) คาดไตรมาส 3/61 กำไรสุทธิอยู่ที่ 410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ปัจจัยหนุนหลักๆ มาจากการเติบโตในธุรกิจอาหาร โดยคาดยอดขายพลิกเป็นบวก 2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการนำเสนอผลตภัณฑ์ใหม่ๆ และจัดโปรโมชั่นต่อเนื่อง นำโดยแบรนด์ KFC ที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวมาตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาอย่างไรก็ดี กลุ่มโรงแรมในไตรมาส 4/61 จะดีขึ้น แม้คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะทรงตัว แต่นักท่องเที่ยวยุโรปจะเข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในเดือน ธ.ค. ซึ่งตรงกันช่วงวันหยุดยาว และคาดว่ากลุ่มอาหารจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยยังคงแนะนำ “ทยอยซื้อ” ราคาพื้นฐานปี 62 อยู่ที่ 46 บาท

อันดับที่ 2 TACC ลุยคลอดสินค้าใหม่ Q4/61 เน้นเติบโตระยะยาว ดันมาร์จิ้นแตะ 30%

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ หรือ TACC โดยนายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร เผยว่า ในไตรมาส 4/61 จะเป็นช่วงของไฮซีซั่นธุรกิจ และถือเป็นจังหวะที่ดี บริษัทฯจึงได้ทยอยออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง สอดคล้องกับแผนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว เช่น กลุ่มเครื่องดื่มเย็นได้ออกเครื่องดื่มรสโอเลี้ยงในช่วงเทศกาลเจเช่นทุกปี ส่วนปลายไตรมาส 4 นี้ มีการนำเครื่องดื่มช็อคโกแลต Hershey’s กลับมาวางจำหน่ายอีกครั้ง หลังจากประสบความเร็จอย่างมากในปีก่อน นอกจากนี้ ยังมีเครื่องดื่มเย็น Unicorn Milky เพิ่มในเมนูของ All Café  ต้อนรับเทศกาลปลายปี สำหรับสินค้าในกลุ่มเบเกอรี่มี 2 ชนิดใหม่ด้วยกัน คือ Double Chocolate Twist Donut และDonut POP

อันดับที่ 3 BGC คาดรายได้ปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 1.1 หมื่นลบ. เน้นคุมต้นทุนผลิต – มองโอกาส M&A ลุยธุรกิจแพคเกจจิ้งทั้งในปท.และอาเซียน 

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC โดยนายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปี 61 บริษัทคาดรายได้เติบโตใกล้เคียงปีก่อนที่ 11,221 ล้านบาท และตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 6% และอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 16%  เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งปัจจุบันเศษแก้วแบบคัดมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3 บาทต่อกิโลกรัม  ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วและเตาหลอมแก้วแห่งใหม่ที่จังหวัดราชบุรีในเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่งผลให้มีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นอีก 400 ตันต่อวัน รวมเป็นประมาณ 3,495 ตัน

อันดับที่ 4 ACAP โชว์ข่าวดี 3 เด้ง ชำระหุ้นกู้1.2 พันลบ.ตามนัด – เตรียมบุ๊ครายได้ขายที่ดินในภูเก็ต – ยื่นไฟลิ่งดันลูกเข้า mai

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป หรือ ACAP โดยนางสาวสุกัญญา สุขเจริญไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า บริษัทฯได้เสนอขายหุ้นกู้ จำนวน 1,237 ล้านบาท อายุ 2 ปี เมื่อวันที่ 10 -12 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ล่าสุด ACAP ได้ชำระคืนหุ้นกู้ จำนวน 1,237 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ถือเป็นการชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระครั้งที่ 3 จากก่อนหน้านี้ มีการชำระไปแล้ว 2 ครั้ง รวม ราว 2,000 ล้านบาท “การชำระคืนหุ้นกู้ได้ตรงตามเวลาที่กำหนดทั้งจำนวน ถือเป็นการยืนยันถึงสภาพคล่องและเป็นการการันตีถึงฐานะทางการเงินของบริษัทฯได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงความมีวินัย และความสามารถในการบริหารจัดการสภาพคล่องของบริษัทฯได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นางสาวสุกัญญา กล่าวสำหรับภาพรวมของธุรกิจการปล่อยสินเชื่อ แนวโน้มยังมีอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเ

อันดันที่ 5 BAY โชว์กำไรสูง 1.8 หมื่นลบ. การันตีสินเชื่อโต8-10%ตามเป้า

มิติหุ้น – ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ธนาคากรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY รายงานผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2561 มีกำไรสุทธิ 1.87 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รวมทั้งการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ สำหรับเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของสินเชื่อลูกค้ารายย่อยในทุกกลุ่ม สินเชื่อลูกค้าบรรษัทญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ (JPC/MNC) และสินเชื่อลูกค้าธุรกิจ SME ขณะที่อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 162.1% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียเมื่อปี 2540 ขณะที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2561 มีกำไรสุทธิ 6,214.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน