จับตาผลเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีน

40

ช่วงเวลาของการลงทุนกำลังจะเดินผ่านช่วงปลายปีนี้ไปอีกเดือนแล้วนะครับ  แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้ มีปัจจัยที่น่าติดตามอยู่พอสมควร ทั้งปัจจัยต่างประเทศและในประเทศ  ซึ่งเห็นได้จากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยเกิดแรงขายอย่างหนัก จากเรื่องแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ , เรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง รวมถึงเรื่อง Brexit ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน และตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่ชะลอตัวลง

แต่สัปดาห์นี้ KTBST ประเมินว่าตลาดหุ้นไทย ยังเดินหน้าไปได้ แต่ก็อาจจะมีความผันผวนอยู่  ปัจจัยสำคัญที่ตลาดติดกันในสัปดาห์นี้คือ การเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีน ที่คาดว่ารู้ผลในช่วงปลายสัปดาห์นี้  รวมถึงผลการประชุม G20 ด้วย ซึ่งหากผลการเจรจาออกมาในทิศทางที่ดีจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดในสัปดาห์ต่อไป  ขณะเดียวกันเรื่องการเมืองของไทยคืออีกปัจจัยที่สำคัญและมีผลต่อตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ตอนนี้ไม่มีการพูดถึงการเลื่อนวันเลือกตั้ง และได้เห็นความเคลื่อนไหวของบรรดาพรรคการเมืองที่ทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยลดแรงกดดันจากเรื่องการเมืองลงไป

ขณะที่ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยที่ปรับตัวลงและกระทบต่อการเติบโตของ GDP นั้น ได้แรงบวกจากมาตรการของภาครัฐที่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงปลายปี ได้ส่งผลบวกต่อการบริโภคในประเทศ และช่วยชดเชยผลกระทบของเศรษฐกิจจากการชะลอตัวของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวได้ในระดับหนึ่ง

ดังนั้นทิศทางการลงทุนในสัปดาห์นี้ KTBST แนะนำทยอยเข้าลงทุนได้หากดัชนีปรับตัวลงไปที่ระดับ 1,600 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สามารถเข้าสะสมได้ ด้วยหลายปัจจัยที่เริ่มดีขึ้น จึงมองว่าดัชนีไม่น่าจะลงไปต่ำกว่า 1,600 จุดอีก และหากประเด็นสำคัญอย่างเรื่องการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับจีนและการเลือกตั้งของไทยมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น จะเป็นแรงหนุนให้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปได้

อย่างไรก็ดัชนีอาจไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปแรงนัก  นักลงทุนอาจต้องระวังการเข้าลงทุน โดยเฉพาะหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามากซึ่งอาจจะปรับตัวลงได้อีกเพราะกำไรของหลายบริษัทเติบโตลดลงในไตรมาสที่ 3 รวมไปถึงกลุ่มหุ้นที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจและการส่งออกของจีนด้วย

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจ KTBST แนะนำ หุ้นกลุ่มที่พื้นฐานดี เช่น กลุ่มค้าปลีก ,กลุ่มอิเล็คทรอนิค  ขณะเดียวกันหากตลาดปรับตัวย่อลง ก็เป็นจังหวะสำคัญที่สามารถเข้าซื้อกองทุน LTF-RMF ได้เช่นเดียวกัน  แต่ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตามประกอบการตัดสินใจลงทุน คือ ทิศทางราคาน้ำมัน ซึ่งอาจเห็นกลุ่ม OPEC ลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันให้มีเสถียรภาพขึ้น รวมไปถึงการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐฯในวันพุธที่ 30 พ.ย.นี้  หากตัวเลขออกมาดีจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ  ดังนั้นจะเห็นได้ว่าตลาดการลงทุนยังมีความผันผวนอยู่ นักลงทุนต้องติดตามข่าวสารให้มากและระมัดระวังการลงทุนนะครับ  สนใจขอคำปรึกษาการลงทุนติดต่อ KTBST ได้ที่ 02 648 1777 ครับ

ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้”  https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php

โดยชาตรี  โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)

www.mitihoon.com