สหรัฐ-จีน มอบของขวัญท้ายปี พักรบการค้าชั่วคราว

117

ข้อพิพาททางการค้าและผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกได้รุมเร้าบรรยากาศการลงทุนตลอดทั้งปี 2561 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป และก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศ รวมทั้งสหภาพยุโรป หรือ G20 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคมที่อาร์เจนตินา ตลาดไม่ได้ตั้งความหวังมากนักว่าจะมีข่าวเชิงบวกระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก แต่แล้วสหรัฐฯ และจีนกลับประกาศว่าจะพักรบในสงครามการค้า แม้ข้อตกลงดังกล่าวได้ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดลงอย่างชัดเจนในระยะสั้น แต่ความสัมพันธ์ยังคงเปราะบางและแนวโน้มมีความไม่แน่นอนอยู่มาก

จีนและสหรัฐเห็นชอบร่วมกันที่จะระงับการปรับขึ้นภาษีนำเข้า ขณะที่ทั้งสองฝ่ายพยายามประนีประนอมด้วยการเจรจาครั้งใหม่ และตั้งเป้าที่จะบรรลุข้อตกลงกันให้ได้ภายในเวลา 90 วัน โดยทำเนียบขาวประกาศว่าประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้แจ้งต่อประธานาธิบดีสีของจีนว่าสหรัฐฯ จะไม่ปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าที่เรียกเก็บจากสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ 25% ในวันที่ 1 ม.ค. 2562 ถึงแม้สหรัฐฯ เคยขู่ไว้ก่อนหน้านี้

ส่วนรัฐบาลจีนตกลงที่จะซื้อสินค้าหลายรายการจากสหรัฐฯ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะเข้าสู่โต๊ะเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งรวมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการบรรลุข้อตกลงกันภายใน 90 วัน อัตราภาษีนำเข้าที่ 10% จะปรับขึ้นสู่ 25% และตลาดจะกลับมาเหวี่ยงตัวอีกครั้ง

เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามเงินหยวน (กราฟด้านล่าง) รวมถึงสินทรัพย์และสกุลเงินซึ่งมีความเชื่อมโยงสูงกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก อาทิ ตลาดหุ้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ขานรับข่าวข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยในช่วงก่อนหน้านี้ ค่าเงินดอลลาร์ได้แรงหนุนจากความเชื่อที่ว่ากรณีสงครามการค้ารุนแรงขึ้น เศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถรับมือได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ

นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่ากระแสข่าวพักรบเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจในทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ หลังนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ปรับท่าทีการส่งสัญญาณกับตลาดและบ่งชี้ว่าเฟดระมัดระวังยิ่งขึ้นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2562 แม้ตลาดคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19 ธันวาคมนี้ สู่ 2.25-2.50% แต่ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สะท้อนว่าแรงส่งด้านขาขึ้นเริ่มแผ่วลง ทำให้เรามองว่าเมื่อเข้าสู่ปี 2562 มีโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยช้ากว่าที่ตลาดเคยคาดไว้ หรือเฟดอาจจะหยุดพักการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีหน้าก็เป็นได้

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง (Neutral) ตามการประเมินของเจ้าหน้าที่เฟดอยู่ที่ 2.50-3.50% ภาวะคุมเข้มทางการเงินในสหรัฐฯ ซึ่งใกล้ถึงปลายวัฎจักรสนับสนุนมุมมองของเราที่ว่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปี 2562

โดย คุณรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ

ผู้บริหารฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

www.mitihoon.com