EPG เผยผลประกอบการปี 61/62 รายได้เติบโต 10% ชงผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายปันผลอีก 0.14 บาท

242

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูป โดยรศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี61/62 (เม.ย.61 – มี.ค.62) บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 10,579 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 9,607 ล้านบาท จำนวน 972 ล้านบาท หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% และมีกำไรสุทธิ 903 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 993 ล้านบาท หรือปรับตัวลดลง 9% โดยมีสัดส่วนรายได้ แบ่งเป็น AEROKLAS 50% AEROFLEX 27% และ EPP 23%

ด้านต้นทุนขายสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ในปีบัญชีนี้บริษัทฯ ยังคงใช้ต้นทุนวัตถุดิบที่มีราคาสูง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาวัตถุดิบมีทิศทางลดลงในช่วงปลายปีบัญชีจึงคาดว่าจะเริ่ม   ส่งผลบวกแก่บริษัทในปีบัญชีถัดไป นอกจากนี้ มีค่าใช้จ่ายจากการตั้งสำรองทางบัญชีที่เพิ่มขึ้นจากภาระผูกพันผลประโยชน์พนักงานจำนวนหนึ่งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับแก้ไข โดยอีกส่วนหนึ่งของการตั้งสำรองดังกล่าวจะถูกบันทึกลงในค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร

ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง จากปัญหาด้านราคาของวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการตั้งสำรองทางบัญชีที่เพิ่มขึ้นจากภาระผูกพันผลประโยชน์พนักงาน และการเริ่มดำเนินงานของธุรกิจร่วมทุนใหม่ในประเทศแอฟริกาใต้ จึงส่งผลให้กำไรสุทธิในปีนี้ลดลงจากปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 62 เพื่อขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปีให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 392 ล้านบาท ซึ่งกำหนดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 62 ในวันที่ 24 ก.ค. 62 และหากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล จะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล(Record Date)ในวันที่ 7 ส.ค. 62 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 22 ส.ค. 62

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.61 บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท แล้ว หากรวมกับการปันผลในครั้งนี้อีก 0.14 บาทต่อหุ้น จะทำให้บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลรวม 0.22 บาทต่อหุ้น”รศ.ดร.เฉลียว กล่าว