ทิศทางตลาดยังแกว่งตัว แนะลงทุนในหุ้นโรงไฟฟ้า และพลังงาน พร้อมกระจายลงทุนหุ้นทั่วโลก

98

คอลัมน์ KTBST Build  Your Net Worth

คุณชาตรี  โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)

ตลาดหุ้นไทยวันทำการแรกของเดือน ก.ค.  SET Index ปรับตัวบวกขึ้นพอสมควรสะท้อนข่าวเชิงบวกของการพบกันของผู้สหรัฐฯ และจีนในการประชุม G-20  ดัชนีปิดตลาดที่ 1,740.91จุด บวกไป 10.57 จุด (+0.61%)  แม้ตลาดจะปรับตัวในทิศทางบวกแต่ก็ไม่มากนัก เพราะผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่มาจากเรื่องของสงครามการค้ายังคงอยู่ ตลาดจึงจับตามองการเจรจารอบใหม่ของสหรัฐฯกับจีนจากนี้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร ขณะเดียวกันประเด็นใหม่ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในทันทีคือ สหรัฐฯเตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้ารอบใหม่กับยุโรป มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลต่อแรงซื้อของตลาดบ้างจากข่าวนี้

ขณะเดียวกัน ข่าวการเจรจากาค้าของสหรัฐฯกับจีนที่ออกมาในเชิงบวก ส่งผลให้โอกาสความน่าจะเป็นในการลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ นั้่นน้อยลงไปด้วย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ขยับตัวขึ้น แต่โอกาสในการลดดอกเบี้ยก็ยังคงมีอยู่ เช่นเดียวกับเงินลงทุนที่ยังไหลเข้าตลาดเกิดใหม่และรวมทั้งประเทศไทย ส่งผลให้เงินบาทยังคงแข็งค่า จนทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องใช้มาตรการชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ด้วยการเงินลดวงเงินประมูลพันธบัตรระยะสั้น (3 เดือน – 1 ปี) ลงจำนวน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อลดปริมาณเงินที่ไหลเข้ามาเพื่อเก็งกำไรในตลาดพันธบัตรลง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศยังได้ส่งสัญญาณที่จะใช้มาตรการอื่นเพิ่มขึ้นหากยังไม่ได้ผล

นอกจากนี้ ปัจจัยการเมืองของไทยเริ่มกลับมามีประเด็นให้จับตามองคือ ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ ในเรื่องการตั้งรัฐมนตรี กระทรวงพลังงาน ซึ่งจะมีผลต่อหุ้นที่อ้างอิงกับนโยบายด้านพลังงาน เช่น ไบโอดีเซล , น้ำมัน , และไฟฟ้า  อีกประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญคือ เรื่องราคาน้ำมัน โดยการประชุม OPEC ในวันที่ 1-2 ก.ค. นี้ ยังมีโอกาสที่จะต่ออายุข้อตกลงการลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไป 6-9 เดือน หากเกิดขึ้นจริงจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน

โดยภาพรวมแล้วผลการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ลดความกังวลของตลาดลงไปได้บ้าง แต่ KTBST ยังประเมินว่าทิศทางตลาดยังเคลื่อนไหวแกว่งตัว ในกรอบแคบอาจมีแรงขายทำกำไรในหุ้นที่ขึ้นไปมาก นับจากนี้ตลาดจะจับตาดูการเจรจารอบใหม่ของตัวแทนการค้าสหรัฐฯและจีนรวมทั้งเงื่อนไขที่สองฝ่ายตั้งไว้ว่าจะทำได้จริงหรือไม่ ข่าวต่างๆที่จะออกมาเกี่ยวกับประเด็นเรื่องการเจรจาการค้าจะมีผลต่อตลาดการเคลื่อนไหวของตลาด

กลยุทธ์ลงทุนในช่วงนี้ KTBST ยังให้ความสนใจในหุ้นกลุ่มที่ราคาปรับตัวลดลงจากผลสงครามการค้า เช่น ปิโตรเคมี รวมไปถึงหุ้นที่มีกำไรเติบโตดี หรือมีปัจจัยเฉพาะตัว เนื่องจากมองว่าดัชนีฯจะยังขึ้นไม่แรง หุ้นที่แนะนำยังคงเป็นหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า  และ พลังงาน เช่น GULF, RATCH, PTTGC  นอกจากนี้สินทรัพย์ที่ KTBST แนะนำในสัปดาห์คือ กองทุนรวมต่างประเทศที่ใช้กลยุทธ์กระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก คือ  กองทุนเปิด วี โกลบอล แอลโลเคชั่น 5M (WE-GA5M) เน้นกระจายการลงทุนในหุ้นตลาดหุ้นทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์การจัดพอร์ตลงทุนเชิงรุก เลือกหุ้นพื้นฐานดีระดับราคาน่าสนใจ มองปัจจัยกดดันการลงทุนเริ่มคลี่คลายและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เป็นปัจจัยหนุนหุ้นเทคโนโลยี , กลุ่มอุตสาหกรรม , กลุ่มธนาคารและกลุ่มเฮลท์แคร์  เปิดเสนอขาย IPO ระหว่างวันที่ 2-10 ก.ค. 2562 นี้ ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้”  https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php