SQ คว้าสิทธิลุยเหมืองงถ่านหินใหญ่พม่า-โบรกอัพเป้าทะลุ5 บาท

321

ผู้สื่อข่าว ‘มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.สหกลอิควิปเมนท์ หรือ SQ ประกอบธุรกิจให้บริการงานด้านการทำเหมืองแร่อย่างครบวงจร โดยนายศาศวัติ ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงกับ บริษัท Golden Lake Co., Ltd หรือ (GL) เพื่อร่วมทุนจัดตั้งบริษัทฯใหม่ (โดย SQ จะถือหุ้นใหญ่ 70% และ GL ถือหุ้น 30%) เพื่อรับสิทธิทำเหมืองถ่านหิน “เมืองก๊ก” ( Mai Khot Coal Mine) ซึ่งตั้งอยู่ที่ รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า

โดยเหมืองถ่านหิน “เมืองก๊ก” มีขนาดใหญ่ ถึง 13 ตารางกิโลเมตร และคาดการณ์ในเบื้องต้นว่ามีปริมาณถ่านหินทางธรณีวิทยา ประเภท ซับบิทูมินัส และลิกไนต์ ประมาณ 100 ล้านตันซึ่งเป็นปริมาณที่มากเพียงพอสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิง ของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ และสำหรับจำหน่ายให้กับกลุ่มบริษัทต่างๆ ที่ปัจจุบันซื้อถ่านหินจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีต้นทุน ค่าขนส่งที่สูงกว่าถ่านหินที่เหมือง “เมืองก๊ก” มาก

โดย SQ คาดว่าจะมีรายได้จากโครงการนี้ประมาณ 27,000 ล้านบาท ภายใน 28 ปี ตามแผนการทำงานในเบื้องต้น โดยเป็นรายได้การจำหน่ายถ่านหิน (ภายใต้บริษัทร่วมทุน) มากกว่า 22,000 ล้านบาท และ รายได้จากการรับงานทำเหมืองถ่านหิน จากโครงการนี้ในเฟสแรกประมาณร่วม 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ปริมาณงานในมือเพิ่มขึ้นจาก 30,310 ล้านบาทในปัจจุบันเป็นประมาณ 35,000 ล้านบาท”

การได้สิทธิในการทำเหมืองถ่านหิน จะเป็นก้าวย่างที่สำคัญของบริษัทฯจากการเป็น ผู้รับเหมางานเหมืองแร่ สู่การเป็นผู้รับสิทธิพัฒนาเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ ระยะเวลาประมาณ 30 ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทฯมีพื้นฐานธุรกิจที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นจากการมีรายได้หลัก 2 ด้าน คือรายได้จากการจำหน่าย ถ่านหินและ จากรายได้หลักคือการรับเหมาทำเหมืองแร่ภายใต้สัญญาระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย และ บริษัท หงสา พาวเวอร์ จำกัด (ในกลุ่มของ บมจ. บีพีพี พาวเวอร์) ซึ่งรองรับการรับรู้ รายได้ประมาณ 9 ปี”

นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังศึกษาโครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่บริเวณ เหมืองถ่านหิน เมืองก๊กนี้ และเตรียมยื่นขอใบอนุญาติสร้างโรงไฟฟ้ากับทางรัฐบาลกลางของสาธารณรัฐแห่ง สหภาพพม่า เนื่องจากเศรษฐกิจบริเวณนั้น มีศักยภาพที่จะขยายตัวได้สูง จากการเปิดประเทศของพม่า ทำให้ปริมาณการค้าที่เพิ่มมากขึ้น และ การลงทุนภาคอุตสาหกรรมกำลังจะขยายตัว และที่สำคัญยังไม่มี โรงไฟฟ้ารองรับการขยายตัวดังกล่าว ซึ่งหากโครงการนี้เป็นผลสำเร็จ SQ จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น อย่างมีเสถียรภาพ และ ทำให้ บริษัทฯมีฐานธุรกิจที่มั่นคงยิ่งขึ้น

อนึ่ง SQ มีผลประกอบการ ที่กลับมาเติบโตสูงอีกครั้ง โดยในไตรมาส 1 ปี 2562 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 92 ล้านบาท เติบโตถึง 340% จากขาดทุนสุทธิ 39 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้รวม 1,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากรายได้รวม 836 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินว่า ราคาเหมาะสมของ SQ ปีนี้จะมีโอกาสทะลุ 5.00 บาท และยังคงแนะนำ “ซื้อ” เพราะพื้นฐานเริ่มกลับมาแข็งแกร่ง

www.mitihoon.com