BGRIM ตั้งบ.ย่อยในฟิลิปปินส์ เพื่อขายระบบผลิตพลังงานทดแทน-ลุยCODเพิ่ม

259

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บี. กริม เพาเวอร์  หรือ BGRIM โดย “นางปรียนาถ สุนทรวาทะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า วานนี้ (23 ก.ค.62) บริษัทอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์ ภายใต้ชื่อ B.Grimm Solar Power Rooftop INC. ทุนจดทะเบียน 25 ล้านเปโซ หรือเทียบเท่า 15 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจจัดหาและจำหน่ายเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์สำหรับระบบผลิตพลังงานทดแทน และให้บริการด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบผลิตพลังงานทดแทน โดย B.Grimm Solar Power Rooftop INC. มี “บจ.บี.กริม โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟท็อป” ซึ่งเป็นบริษัทย่อย BGRIM ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวสัดส่วน 100% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด

ส่วนกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับปัญหาของระบบสายส่งและการเชื่อมต่อ grid ในพื้นที่บริเวณตอนกลางของประเทศเวียดนามนั้น    ทั้ง 2 โครงการของบริษัท ทั้ง1. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Dau Tieng 1 และ Dau Tieng 2 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 420 MW ซึ่งบริษัทย่อยของบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 55% ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2562 และวันที่ 13 มิถุนายน 2562 ตามลำดับ ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว

รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Phu Yen TTP ขนาด 257 MW  ซึ่งบริษัทย่อยของบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 80% ได้ CODเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2562 ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวเช่นกัน โดยสามารถขายไฟฟ้าให้แก่ Electricity of Vietnam (EVN) ผ่านสายส่ง Tuy Hoa – Nha Trang 220kV ซึ่งมีความพร้อมรองรับพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายจากโครงการโรงไฟฟ้า100% ของกำลังการผลิต

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/62 และช่วงที่เหลือของปี 62 จะเติบโดดเด่น เพราะบริษัทจะไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าเหมือนในช่วงไตรมาส 1/62 ประกอบกับมีโรงไฟฟ้าที่เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มเติมอีก 3 แห่ง ได้แก่ 1.โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ “น้ำแจ 1” กำลังผลิต 15 MW (ถือ 72%), 2.โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มประเทศเวียดนาม 2 แห่ง กำลังผลิตรวม 677 MW คือ Dau Tieng Tay Ninh Energy กำลังผลิต 420 MW (ถือ 55%) และ Phu Yen TTP กำลังผลิต 257 MW (ถือ 80%) ทำให้บริษัทมีโรงไฟฟ้าที่ COD รวมทั้งสิ้น 46 โครงการ กำลังผลิตรวม 2,892 MW และอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีก 11 โครงการ ซึ่งจะ COD ภายในปี 68 ทำให้มีกำลังการผลิตรวมเป็น 3,245 MW

อย่างก็ดีในช่วงเดือน ธ.ค.62 นี้ จะมีโรงไฟฟ้า COD เพิ่มอีก 1 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม “โปรเกรส อินเตอร์เคม” กำลังผลิต 4.8MW (ถือ 48%) ดังนั้นจากการทยอย COD โรงไฟฟ้าตลอดทั้งปีจะผลักดันให้ปี 62 รายได้จะเติบโตทำนิวไฮตามเป้าหมายที่วางไว้ 15-20% เมื่อเทียบกับปีก่อน

พร้อมกันนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุน และ ซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) โรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถทยอยปิดดีลได้ภายในปี 62 นี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายมีโรงไฟฟ้าภายใต้การบริหาร 5,000 MW ภายในปี 65

 

www.mitihoon.com