โดย คุณรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ
ผู้บริหารฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
ทันทีที่ปธน.ทรัมป์ประกาศกร้าวว่าสหรัฐฯ จะพิจารณาขึ้นภาษี 10% จากสินค้าจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไปหากจีนยังยื้อการเจรจาทางการค้า จีนสวนกลับว่ารัฐบาลปักกิ่งจะดำเนินการตอบโต้ที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิของจีน โดยสหรัฐฯควรจะพูดคุยบนหลักความเสมอภาคและการเคารพซึ่งกันและกัน รวมถึงกล่าวประณามการตัดสินใจของทรัมป์ว่าไร้เหตุผล ยิ่งไปกว่านั้นจีนออกโรงเตือนว่าความขัดแย้งทางการค้าอาจบั่นทอนการร่วมมือกันระหว่างนานาชาติสำหรับการแก้ไขปัญหาเกาหลีเหนือ
แม้ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของทำเนียบขาวกล่าวว่าผู้บริโภคสหรัฐฯ จะได้รับความเสียหายน้อยมากจากภาษีนำเข้ารอบล่าสุด แต่เรามองว่านั่นอาจเป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป เนื่องจากสินค้าจีน 3 แสนล้านดอลลาร์ มีรายชื่อครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมาก การประกาศดังกล่าวหมายความว่ามาตรการเก็บภาษีจะรวมสินค้าจีนที่สหรัฐฯ นำเข้าเกือบทั้งหมดและถือว่าการพักรบต้องพบกับทางตันอีกครั้ง
นักลงทุนคาดว่ามาตรการตอบโต้ที่จีนจะนำมาใช้อาจอยู่ในรูปของการงดขายแร่หายากซึ่งใช้ในอุปกรณ์ทางการทหาร และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค หรือ การลงโทษบริษัทสหรัฐฯ ในจีน ทั้งนี้ ตลาดการเงินทั่วโลกปั่นป่วนมากขึ้นหลังจีนปล่อยให้ค่าเงินหยวนร่วงต่ำกว่าระดับ 7 ต่อดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปีในช่วงเช้าของวันที่ 5 สิงหาคม แม้ท่าทีเช่นนี้ยังไม่ชี้ชัดว่าจีนตั้งใจให้เงินหยวนอ่อนลงท่ามกลางข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯที่รุนแรงขึ้น แต่สถานการณ์ดังกล่าวกดดันสกุลเงินอื่นๆในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่ (กราฟด้านล่าง)
โดยเงินวอนอ่อนค่าลงนำตลาด เนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้าโลกต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ และความขัดแย้งกับญี่ปุ่นที่กำลังคุกรุ่นอีกทางหนึ่ง ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเช่นกันตามแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นผู้บริโภคหลัก ขณะที่ความวิตกเรื่องการค้าโลกกระตุ้นให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและหนุนเงินเยนซึ่งถูกมองว่าเป็นแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยสู่ระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือน อย่างไรก็ดี กระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่อาจถูกจำกัดโดยการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐฯจะตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในเดือนกันยายนนี้ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการค้าโลกซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงปลายวัฎจักรการเติบโต
