กลุ่มบางจากฯ เผยรายได้ 6 เดือนแรก พร้อมสร้างความเชื่อมั่นครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง

119
ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช

ผลการดาเนินงานกลุ่มบริษัท บางจากฯ ในครึ่งปีแรก 2562 มีรายได้ 93,861 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มี EBITDA รวม 4,147 ล้านบาท กาไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 742 ล้านบาท โรงกลั่นกลั่นน้ามันได้ตามปกติ ค่าการกลั่นดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 1 ยอดจาหน่ายตลาดค้าปลีกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ก้าวสู่ผู้นา B20 ควบคู่กับการพัฒนา ขยายธุรกิจ Non-oil ชูภาพลักษณ์ร้านกาแฟ Eco Brand เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้านธุรกิจในกลุ่มมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เดินหน้าผุดโครงการด้านนวัตกรรมเพื่อดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จากัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดาเนินงานช่วงครึ่งปีแรก 2562 ว่าบริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 93,861 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกาไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) 4,147 ล้านบาท มีกาไรสุทธิ 1,070 ล้านบาท เป็นกาไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 742 ล้านบาท คิดเป็นกาไรต่อหุ้น 0.54 บาท

สาหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2562 บริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและ การให้บริการ 48,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า มี EBITDA 2,189 ล้านบาท มีกาไรสุทธิ 675 ล้านบาท โดยเป็นกาไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 528 ล้านบาท คิดเป็นกาไรต่อหุ้น 0.38 บาท

ด้านธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ามัน มี EBITDA 650 ล้านบาท มีค่าการกลั่นพื้นฐานอยู่ที่ 4.95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และสามารถใช้กาลังการผลิตได้อย่างปกติต่อเนื่องโดยอัตราการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 112,670 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 94 ของกาลังการผลิตรวมของโรงกลั่น มีค่าการกลั่นรวม 4.53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ในไตรมาสนี้มี Inventory Loss 107 ล้านบาท (รวมค่าเผื่อการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ LCM 15 ล้านบาท) เป็นผลจากความผันผวนของราคาน้ามันดิบในตลาดโลกระหว่างไตรมาส

ด้านกลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 630 ล้านบาท มีปริมาณการจาหน่ายรวม 1,543 ล้านลิตร โดยผลการดาเนินงานดีขึ้นตามค่าการตลาดที่ปรับเพิ่มขึ้นและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายฐานลูกค้า รวมทั้งการเปิดจาหน่ายน้ามันดีเซล B20 ในโครงการ “บางจาก B20 เพื่อรถดีเซล ลดฝุ่น ประหยัดเงิน” เพื่อสนับสนุนนโยบายของกระทรวงพลังงาน และต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ “ไฮดีเซล B20s” ที่ยกระดับคุณภาพน้ามันดีเซล B20 ด้วยเทคโนโลยี Green S เพื่อเพิ่มค่าซีเทนและทาความสะอาดเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น ช่วยให้เครื่องยนต์ทางานเต็มสมรรถนะ เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย โดยจาหน่ายในราคาที่เท่ากับน้ามัน B20 ซึ่งเป็นน้ามันคุณภาพราคาประหยัด พร้อมขยายการจาหน่ายในสถานีบริการให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค กว่า 400 แห่งและขึ้นเป็นผู้นาด้าน B20 ช่วยกระตุ้นการใช้น้ามันดีเซล B20 ให้มากขึ้น ทั้งยังช่วยเอื้อประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม

ทั้งนี้ บริษัท บางจากฯ ยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2 ที่แข็งแกร่งในธุรกิจได้ต่อเนื่อง โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสะสมเดือนมกราคม – มิถุนายน อยู่ที่ร้อยละ 15.8 โดยในเดือนมิถุนายนมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ร้อยละ 16 จากการขยายจานวนสถานีบริการมาตรฐานบนพื้นที่ที่มีศักยภาพ และมีการรักษามาตรฐานการบริการ ในรูปแบบ Greenovative Experience โดยสถานีบริการ ณ สิ้นไตรมาส 2 มีจานวนทั้งสิ้น 1,185 สาขา