ปัจจัยลบกดดันการลงทุน ปรับพอร์ตเน้นสินทรัพย์ปลอดภัย

67

คอลัมน์ KTBST Build  Your Net Worth

ชาตรี  โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)

                ทิศทางตลาดสัปดาห์นี้แนวโน้มยังไม่สดใส หลายปัจจัยยังกดดันการลงทุนต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นใหญ่คือเรื่องสงครามการค้าที่สหรัฐฯเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าจีนอีกรอบมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญฯ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. นี้  ขณะที่จีนได้ปรับเงินหยวนให้อ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ เพื่อหนุนการส่งออก ทำให้ตลาดเริ่มมีความกังวลมากขึ้นว่า ทั้ง 2 ประเทศจะไม่บรรลุข้อตกลงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า  ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์เริ่มปรับประมาณการณ์เติบโต จีดีพี สหรัฐฯในครึ่งหลังของปี 2019 นี้ลง ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันจันทร์ที่ผ่านมาปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน บวกกับประเด็นที่เริ่มสร้างความกังวลเพิ่มขึ้นคือการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงที่รุนแรงขึ้น

               ความกังวลของตลาดทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรและทองคำปรับตัวขึ้น โดยราคาทองคำเช้าวันอังคาร (13 ส.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับ 1,526 เหรียญฯ  ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการในวันอังคาร (13 ส.ค.) ดัชนีปรับตัวลงอย่างแรง ปิดตลาดในภาคเช้าที่ระดับ 1,636.33 จุด ลบ -14.31 จุด หรือ -0.87 %   

                ทั้งนี้ปัจจัยในประเทศที่สำคัญ คือ กำหนดการส่งงบการเงินของไตรมาส 2 โดยวันที่ 14 ส.ค. จะเป็นวันสุดท้าย ล่าสุดจากการรวบรวมของ KTBST พบว่ากำไรไตรมาส 2 ที่รายงานมา 180 บริษัท กำไรติดลบ -11%  YoY; -12% QoQ แต่ KTBST ประเมินว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 จะออกมาอยู่ที่ 2.3 แสนล้านบาท -11% YoY; -15% QoQ  ซึ่งตัวเลขที่ชะลอลงนี้ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่นักวิเคราะห์จะมีการปรับประมาณการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนลง รวมทั้งเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นในปีนี้ด้วย  สำหรับสัปดาห์นี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคือ  การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ค ของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะออกมาอยู่ที่ 1.7% และรายงานตัวเลขค้าปลีกของสหรัฐในเดือนก.ค. ในวันที่ 15 ส.ค.  คาดว่าจะออกมาบวกที่ 0.3%

               โดยภาพรวมของกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ ด้วยความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่ยังไม่มีความคืบหน้ารวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี จากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่หดตัวลง  ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิ (Net sell) ในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจนดัชนีฯหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,660 จุด  สะท้อนว่าถึงความเชื่อมั่นในการลงทุนลดลง

               ดังนั้นในช่วงนี้  KTBST แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในหุ้นที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เช่น กลุ่มอีเล็คทรอนิคส์ , ธนาคาร รวมถึงกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์   โดยแนะนำลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment grade) ขึ้นไป รวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ รีท ที่ให้ผลตอบแทนน่าสนใจ

 

ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้”  https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php