Inverted yield curve เริ่มผ่อนคลาย

110

              ดัชนี SET index แกว่งตัวกรอบแคบในสัปดาห์ที่ผ่านมาตามคาด แม้ว่าจะมีข่าวดีหลายข่าวด้วยกันเช่น สหรัฐฯ – จีน ยอมถอยคนละก้าวเพื่อเดินหน้าเจรจาการค้าในต้นเดือน ต.ค. และ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ลดดอกเบี้ยนโยบายและเตรียมใช้มาตรการซื้อพันธบัตร หรือ มาตรการ QE เนื่องจาก Valuation ตลาดหุ้นไทย กลับสู่ระดับปกติ (ไม่ถูก) เนื่องจากประมาณการ EPS ที่ถูกปรับลดมาต่อเนื่อง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) อายุ 5  – 10 ปี รีบาวด์แรงทั่วโลก ทำให้ Earnings yield gap ลดลงสู่ระดับค่าเฉลี่ย

                แม้ว่าตลาดฯจะคลายความกังวลต่อสถานการณ์ Inverted yield curve ไปบ้างแล้ว (โดย Bond yield อายุ 10 ปีของสหรัฐฯเริ่มกลับมาสูงกว่า Bond yield อายุ 2 ปี แต่ยังต่ำกว่า Bond yield อายุ 3 เดือน) แต่กำไรของบริษัทจดทะเบียนปีนี้เร่งตัวขึ้นตามไม่ทัน (ต้องมองไปถึงประมาณการฯปี 2563 Valuation ถึงจะน่าซื้อ) ทำให้เราประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นแรงทะลุ 1,680 – 1,700 จุดได้ในระยะสั้น (เดือน ก.ย.นี้) นั้น ต้องอาศัยแรงผลักดันจากหลายประการ คือ การลดดอกเบี้ยของเฟดในสัปดาห์นี้ที่ต้องมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์, การลดดอกเบี้ยนโยบายของไทยปลายเดือนนี้, และข่าวสารเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน ที่ต้องมีความชัดเจนมากกว่านี้ ซึ่งหากพิจารณาปัจจัยต่างๆแล้ว เราประเมินว่าสัปดาห์นี้ SET index จะยังทำได้เพียงแกว่งตัว Sideway ในกรอบ 1,650 – 1,680 (หรืออาจทดสอบ 1,700 จุด หากสถานการณ์ดีกว่าคาด / และอาจปรับฐานทดสอบ 1,625 จุด หาก 3 ปัจจัยที่เราประเมินแย่กว่าคาด)

                เราประเมินภาพการหมุนกลุ่มเล่นจะยังเกิดขึ้นต่ออีกระยะ เนื่องจากสถานการณ์ที่ Bond yield ระยะยาวรีบาวด์แรงทั่วโลก ทำให้หุ้นที่มีกระแสเงินสดคล้ายพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นแรงก่อนหน้า ด้วยเหตุผล i) ที่พักเงินในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว, ii) Valuation ที่พรีเมี่ยมขึ้นจากดอกเบี้ยต่ำ, iii) ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการรีไฟแนนซ์ อาจเผชิญแรงขายทำกำไร และเปลี่ยนตัวเล่นไปยังหุ้นที่สัมพันธ์กับเศรษฐกิจมากกว่า เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์, กลุ่มส่งออก, กลุ่มโรงกลั่น เป็นต้น สำหรับหุ้นอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ CPN, EPCO, AMA, SAMART, BCPG, SUPER เป็นต้น

โดย รู้ทันการลงทุน กับ KGI (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์)

www.mitihoon.com