ตลาดยังแกว่งตัว รอดูผลประกอบการไตรมาส 3

57

คอลัมน์ KTBST Build  Your Net Worth

หลังทราบผลการเจรจาของสหรัฐฯกับจีนล่าสุด ตลาดหุ้นคลายความกังวลลงไปได้ระดับหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงการเจรจาที่สามารถตกลงกันได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น  แต่จะมีการลงนามข้อตกลงระหว่างกันในเดือนหน้าโดยประเด็นสำคัญ คือเรื่องเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญา ที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ตลอดการเจรจาหลายครั้งที่ผ่านมา ขณะเดียวกันการเจรจาล่าสุดสหรัฐฯได้เลื่อนการเก็บภาษีจีนออกไปจากกำหนดเดิมที่จะมีผลบังคับคือวันที่ 15 ต.ค. ซึ่งก็ยังไม่แน่นอนว่าสหรัฐฯจะกลับมามีผลอีกเมื่อใด

ดังนั้น โดยภาพรวมทำให้ตลาดดีขึ้นไม่มากเพียงแต่ทำให้ความเสี่ยงในเชิงขาลงมีน้อยลง เช่นเดียวกันตลาดหุ้นไทยที่คาดว่าไม่น่าจะปรับตัวลงต่ำกว่า 1,600 จุด จึงต้องจับตาดูในระยะต่อจากนี้ไปว่า การลงนามข้อตกลงกันของทั้ง 2 ฝ่ายจะตกลงกันได้หรือไม่ โดยเฉพาะทางฝ่ายจีนที่ออกมาระบุว่า ต้องขอดูรายละเอียดข้อตกลงก่อนเหมือนเช่นครั้งที่ผ่านมาและไม่สามารถลงนามข้อตกลงได้  นอกจากนี้ ผลจากการเจรจาการค้าก็ไม่ได้ส่งผลต่อราคาน้ำมันมากนัก เนื่องจากความต้องการน้ำมันยังไม่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลก KTBST ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ไม่น่าขึ้นไปยืนเหนือระดับ 65 เหรียญฯ ได้ในช่วงระยะนี้

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามกันในสัปดาห์นี้คือ การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มธนาคาร ในวันที่ 15 – 16 ต.ค. โดยจะเริ่มมีการรายงานจากบริษัท Citigroup คาดว่าจะออกมาเติบโต 13% YoY  ขณะที่ บริษัท JPMorgan คาดว่าจะเติบโต 6.4% ส่วน บริษัท Wells Fargo คาดว่าจะรายงานออกมาเติบโต 11% YoY และในวันที่ 16 ต.ค. จะเป็นการรายงานของ Bank of America คาดว่าจะเติบโต 10.3% YoY  และสุดท้ายจะเป็นการรายงานของ บริษัท IBM คาดว่าจะเติบโต 3.5% YoY โดย KTBST คาดว่าการรายงานผลประกอบการของกลุ่มการเงินไตรมาส 3 จะเป็นการเติบโตสูงสุดของปีนี้ ขณะที่ส่วนต่างของเงินกู้สุทธิ (NIM) จะเริ่มลดลง ซึ่ง KTBST ยังคงคำแนะนำลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯเท่ากับน้ำหนักตลาด 

ส่วนวันที่ 18 ต.ค. จะมีการการประชุมของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และ ธนาคารโลก (World bank) คาดว่า จะมีการปรับประมาณการ GDP โลกกับประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเพิ่มเติม หลังสงครามการค้ายังคงยืดเยื้อ อีกทั้งเศรษฐกิจยุโรปส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา  นอกจากนี้ติดตามการรายงาน GDP ของไตรมาส 3 ของจีนคาดว่าจะออกมาที่ 6.1% ชะลอตัวจากช่วงก่อนหน้าที่ 6.2% จากภาคการส่งออกที่ชะลอตัวจากสงครามการค้า อย่างไรก็ KTBST ยังคงประมาณการ GDP ปี 2019 ของจีนไว้ที่ระดับ 6.2% และคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนตลอดจนการลงทุนภาครัฐจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนขับสำคัญของเศรษฐกิจจีน โดย KTBST ยังแนะนำลงทุนในจีนด้วยน้ำหนักมากกว่าตลาด (Overweight) 

สำหรับการลงทุนในช่วงนี้ แม้ว่าสงครามการค้าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเริ่มส่งสัญญาณบวก แต่รายละเอียดของข้อตกลงดังกล่าวยังคงคลุมเครือ ส่งผลให้ตลาดตลอดทั้งอาทิตย์จะยังคงแกว่งตัวในกรอบตามการรายงานผลประกอบการที่คาดว่าจะยังคงส่งสัญญาณเติบโตได้ช้าลง ดังนั้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้กระแสเงินสดชัดเจนอย่างกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และทองคำ ยังน่าสนใจเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัว ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้”  https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php

                               โดยชาตรี  โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

                                                              บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)

www.mitihoon.com