KKP สำหรับผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือนปี 2562 เปรียบเทียบกับงวดเก้าเดือนปี 2561 

90

มิติหุ้น – สำหรับผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือนปี 2562 เปรียบเทียบกับงวดเก้าเดือนปี 2561  กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร มีกำไรสุทธิ ไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 4,309 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.6 จากงวดเดียวกันของปี 2561 เป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) (ทุนภัทร) และบริษัทย่อย จำนวน 730 ล้านบาท

อนึ่ง สำหรับไตรมาส 3/2562  ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 1,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิจำนวน 1,471 ล้านบาทในไตรมาส 2/2562 หากเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/2561 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 จากจำนวน 1,551 ล้านบาทในไตรมาส 3/2561

กลุ่มธุรกิจฯ มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ  จำนวน 3,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 316 ล้านบาทหรือร้อยละ 10.9 จากจำนวน 2,911 ล้านบาทในไตรมาส 3/2561 ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ จำนวน 1,208 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.0 จากไตรมาส 3/2561 ที่มีจำนวน 1,059 ล้านบาท และรายได้อื่น 547 ล้านบาท รวมเป็นรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น จำนวน 4,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 573 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.0 จากไตรมาส 3/2561

สินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 มีจำนวน 320,263  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,934 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.5 จากสิ้นปี 2561

ธุรกิจธนาคารพาณิชย์

สำหรับไตรมาส 3/2562 สินเชื่อโดยรวมของธนาคารมีการขยายตัวที่ร้อยละ 4.2 จากสิ้นปี 2561 โดยมีการขยายตัวในสินเชื่อเกือบทุกประเภทยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ยังคงหดตัว ในด้านคุณภาพของสินเชื่อ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 อยู่ที่ร้อยละ 4.2  คงที่จากสิ้นไตรมาส 2/2562 ทางด้านธุรกิจบริหารหนี้ ธนาคารขายอสังหาริมทรัพย์รอการขายได้ในไตรมาส 3/2562 จำนวน 321 ล้านบาทและมีกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์รอการขาย 162 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจตลาดเงินสามารถทำรายได้จำนวน 126 ล้านบาทในไตรมาส 3/2562   ทางด้านธุรกิจตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) (บล.ภัทร) มีส่วนแบ่งตลาด (SET และ mai ไม่รวมบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท) ร้อยละ 10.59  ซึ่งเป็นอันดับที่ 1 จากจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมด 38 แห่ง โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.89 ในไตรมาส 2/2562

ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งรวมกำไรหลังหักเงินปันผลจ่ายครึ่งแรกของปี 2562 อยู่ที่ร้อยละ 16.77  โดยเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 13.03 แต่หากรวมกำไรถึงสิ้นไตรมาส 3/2562 หลังหักเงินปันผลจ่ายครึ่งแรกของปี 2562 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะเท่ากับร้อยละ 17.53 และเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 13.78