SPCG โชว์เม็ดเงินเต็มกระเป๋า ลุยจ่ายไฟฟ้าเกิน 500 MW (24/10/62)

493

มิติหุ้น- SPCG ลั่นฐานเงินทุนหนา เดินเกมร่วมทุน-เทกโอเวอร์พลังงานข้ามชาติ หวังปั้นพลังงานในมือเกิน 500 MW จากปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่ COD แล้ว 290 MW ล่าสุดผนึก 8 พันธมิตร ลุย“โครงการ Ukujima Mega Solar Project” ในญี่ปุ่น 480 MW แถมไตรมาส 4/62 ลงทุนโซลาร์ฟาร์มเมืองฟูกุโอกะเพิ่ม 65 MW มั่นใจผลงานไตรมาส 3-4/62โตแกร่ง

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG โดย “นายพิพัฒน์ วิริยธรานนท์”ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน เผยว่า บริษัทได้เปิดกว้างเจรจาพันธมิตรเพื่อร่วมทุนหรือซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) โรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดสูง, มีกำไรสะสม 7.93 พันล้านบาท และ D/E ต่ำเพียง 0.62 เท่า สามารถขอวงเงินกู้จากสถาบันการเงินได้ หากมีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่

ผนึกพันธมิตรรุกโรงไฟฟ้า

เนื่องจากบริษัทได้ตั้งเป้าหมาย 2-3 ปีข้างหน้า มีกำลังการผลิตไฟฟ้าภายใต้การบริหารเกิน 500 MW จากปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 290 MW แบ่งเป็นในไทย 260 MW และ โครงการที่ SPCG ลงทุนร่วมกับ Kyocera Corporation และ Tokyo Century Leasing Corporation (TCL) ที่เมืองทอตโตะริ ประเทศญี่ปุ่น อีก 30 MW

โดยปัจจุบันบริษัทได้ศึกษาเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีก 8-10 โครงการ (เฉลี่ย 40-50MW/แห่ง)  รวมถึงมีพันธมิตรในลาวเข้ามาเจรจาให้ SPCG เข้าไปลงทุนพลังงานน้ำจากเขื่อนและโซลาร์ในลาวด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในระยะถัดไป

สำหรับความคืบหน้าการลงทุนโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น 2 แห่งรวม 545 MW นั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4/62 นี้ ได้แก่ 1. โครงการ “Ukujima Mega Solar Project” ขนาด 480 MW งบลงทุนราว 6 หมื่นล้านบาท โดยมีพันธมิตรร่วมทุน 8 ราย ประกอบด้วย Kyocera Corporation, Kyudenko Corporation, Mizuho Bank, SPCG Pubic Company Limited, Tokyo Century Corporation, Furukawa Electric Company Limited, Tsuboi Corporation และ The Eighteenth Bank limited  และ 2.บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนโซลาร์ฟาร์ม ณ เมืองฟูกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ขนาด 65  MW ล่าสุดอยู่ระหว่างคัดเลือกพันธมิตร 3-4 ราย

ชี้งบQ3เด่น-ทั้งปีโต15%

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการช่วงไตรมาส 3และ4/62 จะเติบโตต่อเนื่อง เพราะทุกธุรกิจเติบโตได้ดี อย่าง “ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งระบบ Solar Rooftop” บริษัทได้ทำตลาดใหม่ร่วมกับบริษัทพันธมิตร Mitsubishi UFJ LEASE &Finance Company Limited หรือ MUL คาดว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนรายได้ในช่วงไตรมาส 3-4/62

ส่วนธุรกิจใหม่ อย่าง “การให้สินเชื่อติดตั้งระบบ Solar Roof” เบื้องต้นบริษัทจะจัดตั้ง “บ.ย่อย” ร่วมกับพันธมิตร Mitsubishi UFJ LEASE &Finance Company Limited หรือ MUL โดย SPCG จะถือหุ้นในสัดส่วน 25-30% ซึ่งธุรกิจนี้จะช่วยให้ลูกค้าที่ต้องการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปตัดสินใจติดตั้งได้ไว้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้มากขึ้นในระยะถัดไปดังนั้นทั้งปี 62 ตั้งเป้ารายได้แตะที่ระดับ 7 พันล้านบาท เติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน

www.mitihoon.com