ประเมินตลาดยังมีแรงขายเพื่อปรับพอร์ต KTBST แนะชะลอลงทุน ดูความชัดเจนตลาด

40

มิติหุ้น – “ หุ้นไทยยังเผชิญความผันผวน ปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศกดดันการลงทุน  แม้จะมีแรงบวกจากการลงนามข้อตกลงการค้าของจีนกับสหรัฐฯ  แต่ต่างชาติยังมีการทำกำไรเพื่อปรับพอร์ต  คาดอาจเห็น SET Index หลุด 1,580 จุดแนะชะลอลงทุนรอความชัดเจนตลาด”

 ดร.วิน  อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์  เคทีบี (ประเทศไทย)  จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ (4-8 พ.ย.62) ทิศทางตลาดยังเคลื่อนไหวในเชิงขาลง ประเด็นเรื่องการลงนามข้อตกลงทางการค้าของจีนกับสหรัฐฯที่คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนกำหนดจะเป็นปัจจัยหลักที่นักลงทุนจับตามอง  ซึ่งตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึง ตลาดหุ้นเกิดใหม่ มีการปรับตัวขึ้น 1.3% สะท้อนว่านักลงทุนให้น้ำหนักในทางบวก แม้จะมีข่าวที่อาจจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่าสองฝ่ายจบจบการค้ากันได้เข้ามาเป็นระยะๆ ก็ตาม

ทั้งนี้ การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ล่าสุดทำให้ดอลล่าร์อ่อนค่า (dollar index 97.1) ถือเป็นผลบวกต่อกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ คือ น้ำมัน และทองคำ รวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ Bond Yield อ่อนตัวลง แต่ตรงข้ามกับของไทย คือ  Bond yield ดีดตัวขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เงินบาทแข็งค่า และนักลงทุนต่างประเทศได้ขายหุ้น (foreign net sell) จำนวนประมาณ 6,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 3 คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 74,000 ล้านบาท KTBST ประเมินว่า เงินทุนเริ่มไหลออกจากตลาดหุ้นไทยเนื่องจากการขายทำกำไรเพื่อปรับพอร์ตในหุ้นที่ราคาขึ้นมามากและคาดว่าจะแรงขายยังดำเนินต่อไปในสัปดาห์นี้

ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทย มีปัจจัยลบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเห็นได้จากโรงงานอุตสาหกรรมทยอยปิดตัวลง และกำไรของตลาดไตรมาส 3 ที่ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจและสงครามการค้า  ซึ่งมาตรการแจกเงินของรัฐบาลอย่างเดียวไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้แรงพอ

สำหรับการลงทุนในสัปดาห์นี้ KTBST ยังมองว่าตลาดยังขาดแรงซื้อเนื่องจากความไม่แน่นอนของหลายตัวแปร ส่งผลให้ทิศทางราคาหุ้นยังมีความผันผวนต่อโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งแนะนำให้ชะลอการเข้าซื้อจนกว่าราคาจะเริ่มนิ่ง  คาดว่ามีโอกาสที่ดัชนีฯอาจหลุดระดับ 1,580 จุด และมองแนวรับถัดไป ที่ 1,570 จุด ในสัปดาห์นี้  ดังนั้น แนะนำให้ชะลอการลงทุนปรับเพิ่มเงินสดจาก 20% เป็น 30%  เพื่อรอให้ตลาดมีทิศทางที่ชัดเจน  ส่วนการเข้าเก็งกำไรช่วงสั้น ควรเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และหุ้นที่ราคาลงมามากรวมถึงหุ้นที่ถูกคาดว่างบการเงินไตรมาส 3 จะออกมาดี หุ้นที่แนะนำได้แก่KTC, IRPC, LH, BH, GFPT, TOA มองกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้ที่ 1,570-1,612 จุด

www.mitihoon.com