หนทางการกระจายพอร์ตการลงทุนในประเทศไทย โดย วิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด

425

มิติหุ้น-ตลาดทุนไทยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยสร้างระบบทุนที่แข็งแกร่งซึ่งช่วยให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติการเงินในปีพ.ศ. 2540 และวิกฤติเศรษฐกิจโลกในปีพ.ศ. 2551

ในฐานะผู้จัดการกองทุน พรินซิเพิลตระหนักถึงความสำคัญที่มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่องของการกระจายพอร์ตการลงทุน คำกล่าวที่ว่า อย่าใส่ไข่ทั้งหมดลงไปในตระกร้าใบเดียว” ยังคงใช้ได้กับยุคปัจจุบัน แม้แต่เรื่องการลงทุน นั่นคือสิ่งที่วงการลงทุนเรียกว่า การกระจายความเสี่ยง

เป้าหมายสูงสุดคือป้องกันผลกระทบเชิงลบที่คาดการณ์ได้ล่วงหน้าที่จะมีต่อพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน เนื่องจากไม่มีสินทรัพย์ประเภทใด ในอุตสาหกรรมใด หรือหุ้นตัวใดที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน สภาวะตลาดที่เฟื่องฟูหรือซบเซามีผลต่อสินทรัพย์หลากหลายประเภทในแบบที่แตกต่างกันออกไป

ในขณะที่ประเทศไทยและคนไทยมีความคุ้นเคยในการลงทุนและมีความเข้าใจเกียวกับข้อเสนอและเครื่องมือไนการลงทุนมากขึ้น การที่เรารู้ว่าพอร์ตโฟลิโอที่มีการกระจายการลงทุนที่ดีควรเป็นอย่างไรเป็นเรื่องจำเป็น

แผนการลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนได้ดีนั้นคือ การมีหลักทรัพย์ที่หลากหลาย” เพื่อที่หลักทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่งจะมีน้ำหนักเพียงเล็กน้อยต่อการลงทุนโดยรวม ทำให้ความเสี่ยงของพอร์ตมีค่าใกล้เคียงกับความเสี่ยงของตลาดโดยรวม และ ความเสี่ยงเฉพาะตัว ของแต่ละหลักทรัพย์จะถูกกระจายออกไปจากพอร์ตของการลงทุน

การมีแผนการลงทุนที่หลากหลายเป็นหนึ่งในหลักการที่สำคัญในการลงทุน การกระจายการลงทุนสามารถรวมถึงการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ หรือทองคำ และการลงทุนในตลาดเกิดใหม่

ประเภทสินทรัพย์ที่เราแนะนำสำหรับนักลงทุนที่พยายามกระจายการลงทุนคือ สินทรัพย์ทางเลือก” เพราะมีทิศทางผลตอบแทนไม่สอดคล้องกับสินทรัพย์อื่น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการกระจายความเสี่ยง รวมทั้งทำหน้าที่เป็นกระแสรายได้ที่มั่นคงให้กับนักลงทุนด้วย

หนึ่งในสินทรัพย์ทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trusts หรือ REITs) เหตุผลที่น่าสนใจคือ REITs ช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทางอ้อม โดยเน้นรายได้จากค่าเช่า และเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ หลากหลายประเภท เช่น สำนักงาน ร้านค้าปลีก ที่อยู่อาศัย โรงแรม โรงพยาบาล และโกดังเก็บสินค้า ที่อยู่ในหลายประเทศ

ตัวขับเคลื่อนประสิทธิภาพของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่แท้จริงขึ้นกับปัจจัยรองรับหลายประการ ที่เด่นชัดที่สุดคือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนอื่น ๆ แม้ในภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง และมักจะดีกว่าหุ้นอื่นในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

นอกจากนั้นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังซื้อขายได้คล่อง แตกต่างจากการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์โดยตรงที่ต้องใช้เวลาในขั้นตอนการซื้อขาย คุณสามารถขายทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างรวดเร็ว

ที่พรินซิเพิลเรามีทีมงานที่ช่วยบริหารพอร์ตการลงทุนใน REITs ที่วิเคราะห์และจัดการการลงทุนโดยตรง ทั้งนี้มี ปัจจัยที่ขับเคลื่อนผลการดำเนินงานของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยแรกคือ ในภาวะดอกเบี้ยต่ำ การลงทุนใน REITs มีโอกาสคาดหวังอัตราผลตอบแทน (รายได้จากค่าเช่า) ประมาณ 4-6% มากกว่าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตร 2-3 เท่าตัว อีกหนึ่งปัจจัยคือการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจด้านเทคโนโลยีซึ่งสร้างความต้องการในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว

กองทุนหลักของเรา กองทุนเปิดพรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (PRINCIPAL iPROP) นับเป็นกองทุนสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจ กองทุนนี้บริหารโดยทีมงานของ การลงทุนทางเลือก‘ ในประเทศไทย กระจายการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และ REITs ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยปัจจุบันเน้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเทคโนโลยี

ยกตัวอย่างเช่น เราลงทุนในศูนย์โลจิสติกส์ซึ่งได้ประโยชน์จากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ นอกจากนี้เรายังลงทุนใน Data Centers ที่เติบโตต่อเนื่องจากความต้องการใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลและคลาวด์คอมพิวติ้ง กองทุนสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 11% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (เมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนอ้างอิงที่ 11.23% ต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน) และได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวโดย Morningstar Thailand

ในภาวะความรวดเร็วของเสี่ยงที่สูงขึ้น เราขอแนะนำให้ลูกค้าทำใจให้สงบนิ่ง มีการกระจายการลงทุน และให้ความสำคัญกับ การจัดสรรสินทรัพย์ แทนที่จะลงทุนเฉพาะตราสารทุนไทยหรือตราสารหนี้ไทย พรินซิเพิลแนะนำให้ลูกค้าเพิ่มสินทรัพย์อีก ประเภทในพอร์ตการลงทุน ได้แก่ Global Equity, REITs และทองคำ สำหรับลูกค้าที่ไม่มีเวลาสร้างพอร์ตของตัวเอง เราแนะนำ กองทุนพรินซิเพิล บาลานซ์ อินคัม” ซึ่งมีการลงทุนในหลักทรัพย์ครบทั้ง ประเภท โดยมีทีมผู้จัดการกองทุนคอยติดตามภาวะตลาดและปรับสัดส่วนการลงทุนในตามจังหวะที่เหมาะสม

กองทุนนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นกองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ดีในทุกสภาวะตลาด คาดหวังโอกาสสร้างผลตอบแทนรวมในระดับปานกลางที่ 4-6% แต่มีระดับความเสี่ยงเพียงแค่หนึ่งในห้า เทียบกับการลงทุนในหุ้นไทยเพียงอย่างเดียว

สร้างที่หลบภัยในเวลาแห่งความผันผวน

ในวัฏจักรของเศรษฐกิจที่ผ่านมา เรารู้จากข้อมูลว่าภาวะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่ต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นเป็นเครื่องมือที่น่าเชื่อถือสำหรับการทำนายภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งหลักทรัพย์อาจจะยังมีราคาสูงขึ้นได้อย่างมากและยาวนานหลังจากเกิดภาวะนี้

ในการสร้างที่หลบภัยในช่วงเวลาที่ปั่นป่วนและไม่แน่นอน นักลงทุนควรคงการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอที่เน้นการกระจายการลงทุนและมีสินทรัพย์ที่ใช้ในการรักษาผลตอบแทนที่มากเพียงพอ

ท้ายที่สุดความเสี่ยงจะยังมีอยู่ทั่วไปในตลาด และพรินซิเพิลมีความมุ่งมั่นในการที่จะช่วยให้นักลงทุนได้ วางแผน ออม และลงทุน” เราแนะนำให้นักลงทุนไทยกระจายพอร์ตโฟลิโอและจัดสรรการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่ใช้ป้องกันความเสี่ยง และเพิ่มผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงในระยะกลาง

www.mitihoon.com