BGRIM หั่นค่าไฟไม่ระคายผิว ต้นทุนลด-กำไรพุ่งแรง (13/02/63)

168

มิติหุ้น- BGRIM ตอบรับมาตรการรัฐลดค่าไฟฟ้าช่วยเหลือประชาชน เผยกระทบรายได้เพียง 0.17% ย้ำรายได้ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจเต็มสูบ แถมรับปัจจัยหนุนราคาก๊าซธรรมชาติลดลงซึ่งเป็นต้นทุนหลักของบริษัท หนุนกำไรปีนี้พุ่งพรวด โบรกชี้ “หาจังหวะลงทุน” เป้า 56 บาท

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM โดย “นางปรียนาถ สุนทรวาทะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี เรื่องมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยมีมาตรการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไฟฟ้าให้ตรึงค่าเอฟทีในเดือน พ.ค.ที่อัตราเดิมคือ -11.6 สตางค์ และลดค่าไฟฟ้าในอัตรา 3% ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย.63) นั้น บริษัทมีความยินดีที่เป็นส่วนหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากเหตุการณ์

กระทบรายได้เพียง0.17%

โดยมาตรการปรับลดค่าไฟฟ้าในระยะสั้นในอัตรา 3% เป็นระยะเวลา 3 เดือนนี้บริษัทประเมินผลกระทบต่อรายได้รวมทั้งปีในอัตราเพียง 0.17% และไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทที่มีสัดส่วนถึง 77% ของรายได้รวม

ทั้งนี้บริษัทมุ่งมั่นขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยในปีนี้มีลูกค้าอุตสาหกรรมใหม่ที่ลงนามซื้อขายไฟฟ้ารวมถึง 31 MW ทยอยเข้ามาในช่วง 9 เดือนแรกของปี โดยในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.63 มียอดการใช้ไฟฟ้าจากลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนในอัตรา 1% ซึ่งมาจากการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และเครื่องปรับอากาศ

นอกจากนี้ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติเป็นต้นทุนหลักของบริษัทที่มีสัดส่วนกว่า 70% ของต้นทุนรวม บริษัทจึงมีโอกาสลดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญจากแนวโน้มการปรับตัวลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้ราคาเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติในเดือนม.ค.-ก.พ.63 มีการปรับตัวลงถึง 9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทประเมินว่าจะส่งผลบวกต่อกำไรของบริษัทราว 15% เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 2,331 ล้านบาทในปี 62

รอจังหวะเข้าซื้อ

บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำกลุ่มโรงไฟฟ้า “เท่าตลาด” โดยประเมินว่าการปรับลดราคาขาย 3% เป็นเวลา 3 เดือน พบว่า GPSC ผลกระทบจะอยู่ 180-270 ล้านบาท คิดเป็น 2.5-3.5% ของกำไรปี 63 ส่วน BGRIM กระทบ 75 ล้านบาท คิดเป็น 2.2% ของกำไรปี 63 และ GULF กระทบราว 50 ล้านบาท คิดเป็น 1% ของกำไรปี 63  ขณะที่ EGCO และ RATCH ไม่มีนัยฯ ดังนั้นจึงไม่มีนัยฯต่อประมาณการกำไรกลุ่มฯโดยรวม ทำให้ยังคง FV เช่นเดิม

โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรงวานนี้เชื่อสะท้อนประเด็นดังกล่าวมากเกินไป จึงแนะนำให้ “หาจังหวะลงทุน” ทั้ง GPSC (FV@B91), BGRIM (FV@B56), EGCO (FV@B360), RATCH (FV@B75) ส่วน GULF (FV@B162) เริ่มเห็น upside ให้ลงทุนมากขึ้น แต่อาจต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้าลงทุนหุ้นช่วงนี้ เนื่องจากในภาพใหญ่สภาวะตลาดยังมีความผันผวนมาก

www.mitihoon.com