ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหารหรือ CPF โดย “นางกอบบุญ ศรีชัย” เลขานุการ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา C.P.Pokphand Co., Ltd (CPP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPF ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในสัดส่วน 52.24% ของหุ้นทั้งหมดที่ออกจำหน่ายแล้ว และเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) ได้เปิดเผยถึง การเพิ่มขึ้นของกำไร เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลของ HKEX ที่ http://www.hkexnews.hk ภายใต้ Stock Code: 43
ด้าน “บล.กรุงศรี” เปิดเผยว่า แนะนำ “ซื้อ” CFP เป้าหมาย 32.75 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/63 เติบโตโดดเด่นสวนทางกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อน และ 52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้าน “นางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เปิดเผยว่า “กลุ่ม CP” ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้นของ “เทสโก้ ประเทศไทย และ เทสโก้มาเลเซีย” มูลค่า 338,445 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนจาก 1.บ.เจริญโภคภัณฑ์ โฮสดิ้งส์ สัดส่วน 40% ,2. CPALL สัดส่วน 40% และ 3. CPF สัดส่วน 20%
อย่างไรก็ดีดีลนี้ต้องผ่านเงื่อนไข คือ 1.Tesco PLC ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มผู้ขาย ต้องได้รับอนุมัติการผู้ถือหุ้น 2.ผ่านการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และ 3.Ministry of Domestic Trade and Consumers Affairs of Malaysia อนุญาตให้ขายหุ้นใน “เทสโก้มาเลเซีย” โดย CPF จะใช้เงินลงทุน 47,991 ล้านบาท ซึ่งจะนำมาจากกระแสเงินสดและการกู้ยืม คาดจะเสร็จภายในครึ่งหลังปี 63
โดย CPF จะได้ประโยชน์จากการมีช่องทางการขายสินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะ “กลุ่มอาหารสด” เนื่องจาก เทสโก้ในประเทศไทย มีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งใน “ธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต” โดยมี 214 สาขา ,“ตลาดโลตัส” 179 สาขา และ “Tesco Express” 1,574 สาขา อีกทั้งมี “ไฮเปอร์มาร์เก็ตในมาเลเซีย” 46 สาขา , “ซุปเปอร์มาร์เก็ต” 13 สาขา และร้านค้าขนาดเล็ก 9 สาขา รวมทั้งมีพื้นที่ให้เช่าในศูนย์การค้า 56 สาขา ทั้งนี้ การที่ CPALL ซื้อ MAKRO เมื่อปี 2556 ทำให้ยอดขายของ CPF ผ่าน MAKRO เพิ่มขึ้นจาก 400 ล้านบาทเป็นประมาณ 1 หมื่นล้านบาทในปี 62 แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 35.80 บาท
www.mitihoon.com
