BDMS ดาวเด่นธุรกิจฟื้นแรงครึ่งปีหลัง-เป้า27บ.

270

 

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS โดย “บล.เคจีไอ” ให้น้ำหนักเข้าลงทุนในหุ้น BDMSเพราะคาดว่าจะผ่านไตรมาสที่แย่ที่สุดแล้วในช่วงไตรมาส 2/63 เพราะมองว่าสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 จะส่งผลกระทบกับโรงพยาบาลที่มีรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติสูงในปี 2563 โดยผลกระทบจะรุนแรงที่สุดในไตรมาส 2/63 (หนักสุดในเดือนเมษายน) เนื่องจากมีการปิดสนามบินเพื่อคุมโรคระบาด ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยโดยรวมของ BDMS ในไตรมาส 2/63 จะลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนจากทั้งผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติ ส่วนเดือนพ.ค.และ มิ.ย. คาดว่าสถานการณ์น่าจะฟื้นตัวขึ้นจากระดับที่แย่ที่สุด เนื่องจากการกลับมาใช้บริการมากขึ้น ภายหลังการระบาดลดลง

ทั้งนี้มั่นใจผลงานจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะจะเห็นการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติภายหลังพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในหลายๆประเทศในเอเซียลดลง โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV จีน ไต้หวัน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย ระหว่างเดือนมี.ค.-มิ.ย.ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐ ยุโรป ตะวันออกกลาง อินเดีย และอีกหลายประเทศยังอยู่ในระดับสูง (เกิน 100 รายต่อวัน) ติดต่อกันมาหลายเดือนจากสถานการณ์ล่าสุด

ฝ่ายวิจัยมองลบน้อยลงกับสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ในกลุ่มประเทศ CLMV จีน และไทยในช่วงครึ่งปีหลีง ดังนั้นคิดว่าธุรกิจหลักของ BDMS น่าจะฟื้นตัวได้จากการที่สถานการณ์ระบาดผ่อนคลายลง ฝ่ายวิจัยคิดว่าบางประเทศน่าจะยกเลิกมาตรการควบคุมได้จากสถานการณ์ที่ดีขึ้น ซึ่งรวมถึงการที่ประเทศไทยกลับมาเปิดรับผู้ป่วยต่างชาติอีกครั้งภายใน ไตรมาส 4/63 ฝ่ายวิจัยคิดว่า BDMS จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าโรงพยาบาลอื่นในระดับเดียวกัน เนื่องจากการกระจายรายได้ที่ดี โดยมีสัดส่วนจากตะวันออกกลาง 8.7% ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติคิดเป็น 29% ของรายได้รวม โดยเป็นรายได้จากผู้ป่วยญี่ปุ่น (2.4%), CLMV (2%) และจีน (1%) ในไตรมาส 1/63

โดยฝ่ายวิจัยปรับสมมติฐานเพื่อสะท้อนแนวโน้มที่ดูเป็นบวกมากขึ้น ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 63 เพิ่มขึ้น 3.9% เป็น 6.84 พันล้านบาท และปี 64เพิ่มขึ้น 12.3% เป็น 7.96 พันล้านบาท เนื่องจาก 1.,ปรับลดสัดส่วน SG&A/ยอดขายปี63-64ลงเหลือ 21.0% (จากเดิมที่ 21.5% และ 21.9%),2.ปรับเพิ่มประมาณการรายได้ปี 64ขึ้นอีก 5.7% เป็น 8.03 หมื่นล้านบาท สะท้อนถึงการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติและไทย รวมทั้งการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1/63

ดังนั้นฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”ให้ราคาเป้าหมาย DCF กลางปี 64 ที่ 27.00 บาท (ใช้ WACC ที่ 8.0% และ TG ที่ 2.0%) เลือก BDMS เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มโรงพยาบาลในขณะนี้
www.mitihoon.com