SC เผยพฤติกรรมลูกค้า “ทำไมบ้าน ‘SC’ ขายดี…สวนกระแสช่วงโควิด-19”

499

บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หรือ SC ผู้พัฒนาสินค้าคุณภาพ และส่งมอบ living solutions  โดยนายณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด  เปิดเผยพฤติกรรมลูกค้า ทำไมบ้าน ‘ SC ’  ขายดี  สวนกระแสในช่วงโควิค-19 ว่า “บ้านเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและเป็นศูนย์รวมของครอบครัว  ทั้งอยู่อาศัยและเป็นที่คุ้มกันภัย  ทำให้เรามุ่งศึกษา  insight ลูกค้า เพื่อนำมาพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ human-centric  ทั้งในวันนี้และสำหรับอนาคต

โดยได้สรุปผลมาจากกลุ่มลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการและร่วมตอบแบบสอบถามระหว่างช่วงโควิค-19  จากข้อมูลพบว่า  กลุ่มลูกค้ามีแผนจะซื้อช่วงนี้อยู่แล้วมีจำนวนมากถึง 82%  และกลุ่มที่ไม่มีแผนซื้อในช่วงนี้มาก่อน แต่เลื่อนการตัดสินใจเร็วขึ้น   18%

ในส่วนแผนการซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้า  แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ กลุ่มที่ซื้อที่อยู่อาศัยตามประเภทเดิมที่วางแผนไว้ครั้งแรกมากถึง 82%, กลุ่มที่วางแผนไว้  แต่ปรับแผนการซื้อจากเดิม 12%  เช่น จากคอนโดเป็นทาวน์โฮม เพื่อความคุ้มค่าและได้มี space เพิ่มขึ้น หรือบางส่วนที่ปรับแผนจากการซื้อบ้านเป็นทาวน์โฮมแทน เนื่องจากราคามีความเหมาะสม รวมถึงทำเลที่สะดวกต่อการเดินทาง  และการออกแบบทาวน์โฮมมีการตอบโจทย์การใช้งานได้เช่นกัน, กลุ่มที่ไม่มีแผนซื้อที่อยู่อาศัยอีก 6% แต่เนื่องจากช่วงโควิด-19 มีเวลาว่างเข้าเยี่ยมชมโครงการแล้วชอบ ประกอบกับมีกำลังซื้อ จึงตัดสินใจซื้อ    เพื่อรองรับการใช้ชีวิตและอยู่อาศัยสำหรับอนาคต

ภาพรวมของเหตุผลสำหรับการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเร็วขึ้นมาจากปัจจัยหลัก ได้แก่ โปรโมชั่น 29%, ชอบบ้านและภาพรวมของโครงการ 23%, มีเวลาจึงเปลี่ยนมาซื้อช่วงนี้ 19%, ดอกเปี้ยเงินกู้ต่ำ  3%

ทั้งนี้ด้วยช่วงโควิด-19  ที่หยุดอยู่บ้าน ทำให้ครอบครัวมีเวลาและสะดวกต่อการมาเยี่ยมชมโครงการพร้อมกันในคราวเดียว  ส่งผลตัดสินใจร่วมกันได้เร็วขึ้น   เป็นอีกปัจจัยทำให้บ้าน SC ขายดี ในช่วงไตรมาส 2/63 ที่ผ่านมา โดยทำสถิติ new high ทั้งยอดแวะต่อสัปดาห์สูงที่สุด, ยอดขายรายสัปดาห์สูงที่สุด  ประกอบกับเหตุผลสำคัญในการเลือกซื้อบ้านของ SC ประกอบด้วย ชอบทำเล  แบบบ้าน บรรยากาศและภาพรวมของโครงการ มีความเชื่อมั่นในบริษัทและคุณภาพโครงการ ราคาสมเหตุสมผล

ขณะสถานการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้าใส่ใจไม่ใช่แค่เฉพาะตัวบ้าน  แต่มีความใส่ใจถึงพื้นที่ส่วนกลางด้วย เพื่อรองรับวิถีชีวิตการอยู่อาศัยสำหรับอนาคต หรือ New Normal  เช่น คำนึงถึงเรื่องวัสดุปลอดฝุ่นและเชื้อโรค  อีกทั้งให้ความสำคัญกับการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางเป็นสัดส่วน และการเว้นระยะห่างของการเข้าใช้พื้นที่ส่วนกลางอีกด้วย