YLG เผยค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องหนุนราคาทองในประเทศพุ่งยาว พร้อมแนะ 4 เทคนิคการดูทองแท้ป้องกันความเสี่ยงจากมิจฉาชีพ

89

 

มิติหุ้น-วายแอลจีเผยทองคำในประเทศทำสถิติราคาปรับขึ้นมาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 27,250 บาท หลังค่าเงินบาทอ่อนค่า ขณะที่ทองคำในตลาดโลกนิวไฮปีนี้ที่ 1,820 ดอลลาร์ต่ออออนซ์ คาดช่วงนี้ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่องจากปัจจัยภายในประเทศ ส่งผลทองคำในประเทศยังมีโอกาสไปต่อได้ พร้อมมองกรอบการเคลื่อนไหวทองคำ มีแนวรับ 1,804-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่หลุดแนะนำซื้อสะสม ลุ้นขายทำกำไรในโซน1,831-1,843 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมแนะ เทคนิคสังเกตทองคำแท้ ตรวจสอบสี และน้ำหนักทอง ขอใบรับรองน้ำหนักทอง และซื้อจากผู้ค้าที่น่าเชื่อถือ หรือลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์สทางเลือกใหม่ไม่มีความเสี่ยงจากปัญหาทองปลอม

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ราคาทองคำแท่ง 96.5เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2563 ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 27,250 บาท ถือว่าเป็นราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะยังไม่สามารถทำลายสถิติเดิมที่ระดับ 1,920 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่ทำไว้เมื่อเดือนกันยายน 2554 แต่จากการอ่อนค่าของเงินบาท ในช่วงนี้จึงทำให้ราคาทองคำในประเทศอยู่ระดับสูงกว่าปี 2554 ซึ่งช่วงนั้นค่าเงินบาทอยู่ในระดับต่ำกว่า 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปัจจุบันค่าเงินบาทอ่อนค่าเคลื่อนไหว 31.60-31.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตามทิศทางทองคำในระยะกลางระยะยาวยังสดใส แม้ว่าระยะสั้นจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง มองหากราคายังทรงตัวเหนือกรอบแนวรับบริเวณ 1,804-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ยังมีลุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,831-1,843 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้  โดยยังคงเป้าหมายของปีนี้ที่ 1,920 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งถือว่าไม่ไกลจากระดับปัจจุบันนัก

สำหรับคำแนะนำนักลงทุน หากราคาปรับลดลงใกล้แนวรับแนะนำซื้อสะสม  เพราะทิศทางทองคำระยะกลางระยะยาวยังเป็นขาขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยหนุนที่สำคัญจากความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐ และสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่ยังระบาดอย่างต่อเนื่องซึ่งจะส้รางความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางและรัฐบาลของแต่ละประเทศจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งทางการเงินและการคลังต่อไป  จึงเป็นผลเชิงบวกต่อทิศทางราคาทองคำ  อย่างไรก็ดี  อาจมีปัจจัยลบอย่างความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้าน COVID-19 เข้ามาส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาเป็นระยะ  จึงแนะนำว่าหากราคาแกว่งตัวขึ้นให้ทยอยขายบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยง และต้องกำหนดจุดขาดทุนประกอบการลงทุนอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ดีในช่วงนี้ราคาทองคำถือว่าปรับขึ้นมาสูงกว่า ปี ทำให้มีข่าวในบางประเทศที่มีทองคำปลอมออกมาหลอกลวงผู้บริโภค ดังนั้นสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อทองคำแท่งที่เป็นทองคำจริงนั้น ทาง YLG มีวิธีแนะนำการสังเกตทองคำดังนี้

1.     สังเกตที่สีของทองต้องไม่ผิดเพี้ยน รวมถึงเนื้อทองคำต้องไม่มีสิ่งปลอมปนทำให้ตัวทองคำบิดเบี้ยว

2.     เลือกซื้อทองคำกับผู้ค้าที่มีความน่าเชื่อถือไว้ใจได้ และสังเกตตราประทับสัญลักษณ์ของร้านทองต้องชัดเจน

3.     ตรวจสอบน้ำหนักทองคำให้ตรงกับจำนวนที่ซื้อ รวมถึงต้องขอใบเสร็จรับรองน้ำหนักทองคำจากผู้ขายทุกครั้ง

4.     ไม่ซื้อทองคำที่ราคาต่ำกว่าราคาที่สมาคมค้าทองคำประกาศ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเป็นทองปลอม

ทั้งนี้  นักลงทุนสามารถเลือกการลงทุนในทองคำผ่านโกลด์ฟิวเจอร์ส(Gold Futures) เป็นทางเลือกได้เช่นกัน  ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นการซื้อขายด้วยเงินบาทที่ไม่มีปัญหาเรื่องความกังวลจากทองคำปลอมอีกด้วย โดยนักลงทุนสามารถปรึกษาด้านการลงทุนทองคำกับ YLG ได้ทางโทรศัพท์ 02-687-9888  รวมถึงสามารถติดตามบทวิเคราะห์  อัพเดทข่าวสารที่ส่งผลต่อราคาทองคำ  ข่าวโปรโมชั่น  สัมมนา  และข่าวประชาสัมพันธ์ของ YLG ผ่านทางหลากหลายช่องทาง  อาทิ   www.ylgprecious.co.th และ https://www.facebook.com/YLGGroup

www.mitihoon.con