CBG กำไรนิวไฮ กูรูลุ้นทุบสถิติยันปี 64

259

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.คาราบาวกรุ๊ป(CBG) โดยบทวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า จากที่รางานผลประกอบการไตรมาส2/63 รายได้อยู่ที่ 4,508 ลบ. เพิ่มขึ้น 11 % จากไตรมาสก่อน และเติบโต 20 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยพบว่ารายได้จากสินค้าแบรนด์ตัวเองเพิ่มขึ้น 13.6 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นอัตราส่วนรายได้ในประเทศต่อต่างประเทศสัดส่วน 40 : 60 แม้ว่ารายได้ในประทเศชะลอตัว แต่รายได้ในต่างประเทศกลับยังเติบโต 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 2,219 ลบ. โดย 81% หรือ 1,800 ลบ. มาจาก CLMV และ 7% มาจากจีนยอดขายใน CLMV เติบโตในทุกประเทศโดยในเมียนมาร์ทำ ระดับสูงสุดใหม่ ยอดขายในจีนอยู่ที่ 155 ลบ. ลดลง 17.4% YoY แต่ฟื้นตัวถึง 135.3% จากไตรมาสก่อนปัจจุบันเริ่มนำ C+LOCK ไปวางจำหน่ายใน CLMV แล้วแต่ยังไม่มีนัยสำคัญใน ไตรมาส 2/63

อัตรากำไรขึ้นต้น GPM อยู่ที่ 40.7% เพิ่มขึ้นจาก 37.6% ในไตรมาส 2/62 ตามกำลังการผลิตขวดแก้ว กระป๋องและโรง บรรจุที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น และอำนาจต่อรองกับ Supplier ที่มากขึ้น แต่ลดลง จาก 42.4% ในไตรมาส 1/63 ตามการชะลอลงของยอดขายในประเทศ

ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 881 ลบ. มีรายได้อื่นๆ 32 ลบ. และค่าใช้จ่ายเงินบริจากกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโค วิด19 สุทธิจากประโยชน์ทางภาษีราว 40 ลบทำให้กำไรปกติอยู่ที่ 890 ลบ. (+14.8% QoQ, +69.7% YoY) ดีกว่าคาด 11% และทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 กำไรปกติ 1H63 อยู่ที่ 1,665 ลบ. คิดเป็น 49.6% ของประมาณการทั้งปีของ

โดยฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ CBG และเชื่อว่ากำไรสุทธิจะทำระดับ สูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่องถึง ไตรมาส 4/63 เป็นอย่างน้อย และมีโอกาสที่จะทำได้ต่อไปในปี 64 เนื่องจาก 1)ายได้จาก CLOCK ที่มีการออกรสชาติใหม่ และการส่งออกไปยัง CLMV ยังไม่รวมใน ประมาณการ 2) ในไตรมาส 4/63 จะมีกำลังการผลิตใหม่ของโรงบรรจุขวดเพิ่มขึ้น 40% เป็น 4.2 ล้าน ขวด/วัน และบรรจุกระป๋องเพิ่มขึ้นอีก 30% เป็น 5.7 ล้านกระป๋อง/วัน ซึ่งจะทำให้รายได้ใน CLMV กลับมาเติบโตในอัตราเร่งได้จากปัจจุบันที่เต็มกำลังการผลิต 3) เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้น ตัวที่แข็งแกร่งในจีน 4) ประเทศส่งออกใหม่ที่ยังอยู่ระหว่างศึกษา 5) ต้นทุนบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ ลดลงจากโรงงานบรรจุภัณฑ์แห่งใหม่ของบริษัท

ฝ่ายวิจัยอาจปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 130 – 140 บาท ซึ่งจะมี Upside gain ราว 3 – 10% จึงยังคงคำแนะนำ TRADING โดยคาดว่าราคาหุ้นจะตอบสนองเชิงบวกต่อผล ประกอบการและแนวโน้มที่ยังเป็นเชิงบวก ในเชิงกลยุทธ์นักลงทุนอาจซื้อเก็งกำไร โดยมีจุด พิจารณาทั่วไปที่ราว 335 บาท/หุ้น

www.mitihoon.com