PRIME แกร่ง!เข้า FTSE 2กลุ่มรวด ลั่นผลงานปีนี้โตสวนโควิด

404

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ไพร์ม โรด เพาเวอร์ หรือ PRIME ผู้ผลิตพลังงานสะอาดชั้นนำ โดย นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการ เปิดเผยว่า หลักทรัพย์ PRIME ได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี 2 กลุ่มรวด คือ FTSE Micro Cap และ FTSE Total Cap ซึ่งเป็นดัชนีหลักทรัพย์ระดับนานาชาติ สำหรับครึ่งปีหลัง 2563 ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เข้า FTSE อย่างรวดเร็ว หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพียง 10 เดือนเท่านั้น เป็นการตอกย้ำการเป็นบริษัทจดทะเบียนชั้นนำที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ แจ้งผลประกอบการในครึ่งปีแรกปี 63 ที่เติบโตสวนสถานการณ์โควิดกว่า 50% โดย บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีรายได้รวม 357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% จากรายได้รวม 337 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 63 และมีกำไรเบ็ดเสร็จ 242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.3% จากกำไรเบ็ดเสร็จ 161 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปี 2562 โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิสูงประมาณ 49% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งในกลุ่มโรงไฟฟ้า

โดยการ เติบโตนี้มาจากการรับรู้รายได้เต็มงวดของโรงไฟฟ้า 3 โครงการในประเทศไต้หวันที่เริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD) เมื่อเดือนเมษายน ปี 62 รวมถึงยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการแข็งค่าของเงินบาท และส่วนเกินทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมในระหว่างงวดบริษัทฯ มั่นใจว่า ปีนี้ผลงานเข้าเป้าเร่งเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ใหญ่สุดในกัมพูชา บุกขยายการลงทุนทั่วเอเชียแปซิฟิก ลุยธุรกิจใหม่รับเหมาก่อสร้าง Solar Rooftop พร้อมประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ยกระดับสู่บริษัท พลังงานสะอาดชั้นนำ ปีนี้พร้อมดันรายได้ตามเป้า 1,000 ล้านบาท และกำไร 400 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มธุรกิจปีนี้ บริษัทฯ คาดว่า จะเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนประมาณ 50% ในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ตั้งเป้าว่าปี 2563 นี้จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 400 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดรวม 287 เมกะวัตต์ ซึ่งในจำนวนทั้งหมดนี้ ได้จำหน่ายไฟฟ้าแล้วจำนวน 179 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างพัฒนาและก่อสร้าง 108 เมกะวัตต์

โดยโรงไฟฟ้าทั้งหมด ที่มีอยู่เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ตั้งอยู่ในประเทศไทยจำนวน 132.3 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 68.2 เมกะวัตต์ ในประเทศ ไต้หวันจำนวน 8.5 เมกะวัตต์ อีกทั้ง โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศกัมพูชาคืบหน้าเป็นไปตามแผน หลังจากที่บริษัทฯ ได้ชนะการประมูลโครงการ National Solar Park เมื่อปลายปี 2562 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศกัมพูชา มีที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดกัมปงชนัง มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 78 เมกะวัตต์ และมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้า 60 เมกะวัตต์ โดยโครงการนี้มีธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) เป็นที่ปรึกษาช่วยวางแผนและจัดประมูลให้รัฐบาล จึงมีความโปร่งใสสูง และมีความเสี่ยงต่ำ

ล่าสุดหลังจากเร่งดำเนินการประสานงานมาโดยตลอด บริษัทฯ ก็ได้ลงนามในสัญญาพัฒนา โครงการและสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับรัฐบาลกัมพูชาเป็นผลสำเร็จเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ โครงการมีกำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในไตรมาส 2 ปี 2565

www.mitihoon.com