ILM ลั่นงบQ3เติบโตแกร่ง ลุยขายสินค้ามาร์จิ้นสูง (30/09/63)

201

มิติหุ้น – ILM ฉายแววผลงานไตรมาส 3 ฟื้นตัวเด่น โบรกประเมินกำไรพุ่ง 240% เทียบไตรมาสก่อนหน้า หลังยอดขายโดดเด่น แนะนำ “เก็งกำไร” ให้เป้า 13.70 บาท ฟากผู้บริหารเร่งเดินหน้าลดต้นทุน เน้นขายสินค้าอัพมาร์จิ้น

มิติหุ้น – ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หรือ ILM โดย บทวิเคราะห์ บล.จีเอ็มโอ-แซท คอม ระบุว่า คาดไตรมาส 3/63 จะฟื้นตัวเด่นจากไตรมาสก่อนหน้า ประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 49 ล้านบาท เติบโต 240% เทียบไตรมาสก่อน ด้านอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาที่  43.3% ส่วน Net Margin คาดว่าจะอยู่ที่ 2.5% ดีขึ้นจากไตรมาส 2 ผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นรวมถึงได้ประโยชน์จากมาตรการลดต้นทุนในไตรมาส2 ที่จะเห็นผลต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ทั้งจากการปรับโครงสร้างด้านบุคลากรโดยลดจำนวนพนักงานลง 15% เมื่อเทียบจากปี 62, การบริหารจัดการลดปริมาณสต๊อกสินค้าคงคลัง และการลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค ดังนั้น แนะนำ “ถือ” เป้าหมาย 12.50 บาท

ครึ่งหลังโต-หุ้นมีอัพไซต์

บทวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า คาดกำไรปกติช่วงครึ่งปีหลังเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และคงประมาณการกำไรปี 63 ไว้ที่ 364 ล้านบาท ส่วนกำไรปกติปี 64 เติบโตโดเด่น 34% มาอยู่ที่ 489 ล้านบาท เป็นผลจากถูกชดเชยด้วย GPM เพิ่มสูงขึ้นมาชดเชย และจาก Product mix และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตที่ดี รวมทั้งควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PER อยู่ที่ 12.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม รวมทั้ง Upside เปิดกว้างขึ้นถึง 10% จึงปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 13.70 บาท

ชูลดต้นทุนหนุนผลงาน

นางกนกวรรณรัตน์ ศรีมณีศิริ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานบัญชีและการเงิน ILM กล่าวว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/63 คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากการที่ประชาชนมีความคุ้นชินกับการทำงานอยู่บ้าน (Work From Home) ส่งผลให้ความต้องการเฟอร์นิเจอร์สำหรับโฮมออฟฟิศมีมากขึ้น และการหันมาทำอาหารทานเองมากขึ้น และบริษัทกลับมาเปิดสาขาได้เต็มที่จะช่วยหนุนรายได้ให้เติบโตได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ พร้อมกันนี้ยังให้ความสำคัญกับตลาดออนไลน์ที่มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาด้วย

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเน้นความสามารถในการทำกำไร โดยการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ให้มีความเหมาะสมช่วยเพิ่มมาร์จิ้นให้กับสินค้า ปรับลดสินค้าคงคลังให้เหมาะสม และการปรับระยะเวลาการเปิดและปิดสาขา ให้เหมาะสมเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงาน ส่วนรายได้ปีนีคาดว่ายังทำได้ในระดับต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีการปิดสาขาทั้งหมดในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ระว่าง 22 มี.ค.-16พ.ค.ตามโยบายรัฐบาล

www.mitihoon.com