PTG ลุ้นผลงานQ3โตสนั่น90% ดีมานด์ใช้น้ำมันพุ่งพรวด (01/10/63)

201

มิติหุ้น –  PTG โบรกฯ ฟันธงผลงานไตรมาส 3/63 โตแรง รับปัจจัยบวกค่าการตลาด-ปริมาณการขายพุ่งแรงหนุน เคาะคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 22 บาท ฟากผู้บริหารมั่นใจยอดขายปีนี้โตได้ 8-12% วางแผนปั้น 5 ธุรกิจ Non-oil ทยอยเข้าตลาดหุ้นช่วงปี 65-67

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG โดย “บล.คันทรี่ กรุ๊ป” ระบุว่า คาดผลประกอบการไตรมาส 3/63 จะเติบโตเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบจากปีก่อน สนับสนุนจาก 1.ค่าการตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง QTD +19% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และ 2.ปริมาณขายน้ำมันดิบเติบโตหลังคลายล็อกดาวน์ สัปดาห์แรกของเดือน ก.ค. น้ำมันดีเซลขยายตัว 2% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTG ประเมินราคาเป้าหมาย 21.60 บาท

Q3โตแรง-เคาะเป้า22บ.

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯ คาดกำไรไตรมาส 3/63 ลดลง 5% เทียบไตรมาสก่อน จากค่าการตลาดที่ชะลอ แต่โตแรง 90% เมื่อเทียบปีก่อน จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจ Non-Oil คาดเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องและมี EBITDA Margin เพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรการหยุดยาวกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐบาลเป็นบวกต่อ Demand การใช้น้ำมัน จึงคาดกำไรจะกลับมาเร่งตัวอีกครั้งในไตรมาส 4/63 ต่อเนื่องปี 64 โดยคาดกำไรปกติปี 63 ชะลอตัวเพียง 6% เทียบปีก่อน ก่อนกลับมาเติบโตแข็งแกร่ง +18% เมื่อเทียบจากปีก่อน ให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTG ราคาเป้าหมาย 22 บาท

ดีมานด์ฟื้นหนุนยอดขายโต

ด้าน “นายพิทักษ์ รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจช่วงครึ่งหลังปี 63 คาดดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมียอดขายน้ำมันกลับสู่ระดับปกติ 100% หลังโควิดเริ่มคลี่คลาย และมีการเน้นลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ ลง ทำให้คาดผลดีต่อภาพรวมกำไรช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนค่าการตลาดน้ำมันในช่วงที่เหลือปีนี้คาดทรงตัวในระดับเฉลี่ย 1.90 บาท/ลิตร ดังนั้นคาดยอดขายของบริษัทปีนี้จะเติบโตได้ราว 8-12% จากเดิมต้นปีตั้งเป้าจะเติบโตระดับ 10-15%

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้าบัตร MAX Card เติบโตแตะระดับ 20 ล้านราย ภายในปี 65 จากสิ้นปีคาดแตะ 15 ล้านราย โดยนำฐานข้อมูลสมาชิกมาใช้ต่อยอดขายธุรกิจ Non-oil เพิ่มขึ้น และหวังดันสัดส่วนรายได้จากnon-oil ขึ้นไปถึง 60% ของรายได้รวม ภายในปี 66 จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 1% ของรายได้รวม พร้อมกันนี้บริษัทได้วางแผนผลักดันบริษัทย่อยภายใต้ธุรกิจ non-oil ทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ธุรกิจก๊าซ LPG , ธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์, ธุรกิจกาแฟ, ธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์ Autobacs และศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถบรรทุก Pro Truck และธุรกิจร้านมินิมาร์ท MAX Mart  เข้าจดเทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ระหว่างปี 65 -67

www.mitihoon.com