TAE งบQ3แรงติดเทอร์โบ-โควิดหนุนเอทานอลพุ่งพรวด

912

 

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ หรือ TAE ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ 99.5% โดยปริมาตร เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง โดย “นักวิเคราะห์หลักทรัพย์” เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 3/63 จะเติบโตโดดเด่นมากเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ ไตรมาส 4/63 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่(นิวไฮ)แห่งปี

ออเดอร์เอทานอลทะลัก

เนื่องจากความต้องการ “เอทานอล” จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น เพราะภายหลังจากภาครัฐบาล “ผ่อนคลายล็อคดาวน์”และเร่งออกมาตราการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ความต้องการใช้เชื้อเพลิงในรถยนต์เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทจำหน่าย “เอทานอล” แปลงสภาพให้กับบริษัทผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อนำไปผสมกับน้ำมันเบนซินในอัตราส่วนผสม 10% ,20% และ 85% ได้เป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ตามลำดับ

สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์เพื่อทดแทนการใช้น้ำมันเบนซิน ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและสารปรุงแต่งซึ่งใช้เพิ่มค่าออกเทนในน้ำมันเบนซินที่เรียกว่า MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) และลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม

โควิดหนุน-เป้า5.10บ.

อีกทั้งบริษัทยังได้รับประโยชน์โดยตรงในยุค “Covid-19” ทำให้ความต้องการ “เอทานอล” เพื่อนำไปเป็นส่วนผสมเพื่อผลิตเจลและแอลกอฮอล์มากขึ้น ส่งผลให้มียอดขายในช่วงไตรมาส 3และ4/63 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตเอทานอล โดยใช้เทคโนโลยีของ MAGUIN INTERIS ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 365,000 ลิตรต่อวัน หรือ 120.75 ล้านลิตรต่อปี

บริหารจัดการดีเยี่ยม-เป้า5.10

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองเชิงบวก กรณีที่ผู้บริหารให้ความเห็นว่า แม้ราคาน้ำตาลในประเทศและในตลาดโลกปี 63 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลผลิตอ้อยลดลงจากปีก่อนเพราะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งทําให้ราคากากน้ำตาลซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาลและเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตเอทานอลของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถจัดซื้อวัตถุดิบอื่นมาใช้ผสมและหรือใช้ทดแทนกากน้ำตาลได้

ดังนั้นทำให้มั่นใจว่าผลงานช่วงครึ่งปีหลัง จะฟื้นตัวโดดเด่นตามที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ไว้ ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง มีกำไรสะสมสูง 687 ล้านบาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ต่ำเหลือ 7-8 เท่า ดังนั้น แนะนำ “ทยอยซื้อสะสม” ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท