SCGP – มีดีล M&As รออยู่ข้างหน้าอีก

438

มิติหุ้น-หลักทรัพย์กรุงศรีได้จัดทำบทวิเคราะห์ของหุ้น SCGP โดยวิธี DCF ซึ่งคำนวณไปจนถึงปี 2025F (terminal year) โดยใช้ risk-free rate ที่ 1.5% market risk premium ที่ 6.5% beta ที่ 1.0 และ terminal growth ที่ 1.0% ในปี 2025F ทำให้ได้ราคาเป้าหมายที่ 42.00 บาท คิดเป็น P/E ปี FY21F ที่ 20x

 

โดย SCGP หรือ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)  มีโรงงานทั้งหมด 40 แห่งกระจายอยู่ในห้าประเทศในภูมิภาค ASEAN แบ่งเป็นโรงงานบรรจุภัณฑ์กระดาษ 7 แห่ง โรงงานบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ 23 แห่ง โรงงาน PPP 6 แห่ง โรงงานกระดาษและเยื่อกระดาษ 4 แห่ง ทั้งนี้ Frost and Sullivan ระบุว่า SCGP เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ใหญ่ที่สุดใน ASEAN โดยอิงจากปริมาณยอดขายในปี 2019 และเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้หลักทรัพย์กรุงศรีมองว่าบริษัทมีแผนสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งจากการขยายกำลังการผลิตและดีล M&A โดย SCGP มีแผนใช้งบลงทุน 8.2 พันล้านบาทขยายกำลังการผลิต ได้แก่ i) BATICO (เพื่อขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวในประเทศเวียดนามอีก 20% ใน 3Q20) ii) Fajar (เพื่อขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียอีก 29% ใน 1Q21) iii) UPPC (เพื่อขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในฟิลิปปินส์อีก 50% ใน 2Q21) และ iv) Prepack (เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์อ่อนตัวในประเทศไทยใน 2Q21) บริษัทยังคาดว่าจะได้ข้อสรุปดีลการเข้าซื้อ SOVI (บริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ) ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของเวียดนามในสิ้นปีนี้ และบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนเข้าซื้อกิจการอื่นอีกสามดีล ได้แก่ บริษัทบรรจุภัณฑ์ polymer ในเวียดนาม บริษัทบรรจุภัณฑ์อาหารในเวียดนาม และบริษัทผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกในอินโดนีเซีย จะช่วยหนุนให้กำไรโตถึง 54%/8%/9% ในปี 2020/21/22F

 

ขณะเดียวกันอุปสงค์ของบรรจุภัณฑ์น่าจะโตแซงหน้า GDP โลกจากกระแสการเติบโตของ e-commerce โดย Frost and Sullivan พยากรณ์การเติบโตของในประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ไว้ที่ 30.4% CAGR ในช่วงปี 2019-24 ซึ่ง SCGP มีโรงงานผลิตกล่องขนาดเล็กปลายน้ำเพื่อตอบสนองอุปสงค์ในส่วนนี้ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นไปที่การขยายกำลังการผลิตปลายน้ำ หรือการเข้าซื้อกิจการผลิตกล่องปลายน้ำซึ่งมี margin ดีกว่ากระดาษบรรจุภัณฑ์ต้นน้ำ ทั้งนี้จีนจะห้ามนำเข้ากล่องกระดาษลูกฟูกเก่าและกล่องกระดาษเกรด fiber ภายในปี 2021 ในปัจจุบันกระดาษประเภท  Recovered/recycled คิดเป็น 95% ของวัตถุดิบ ดังนั้นการห้ามนำเข้า OCC จะทำให้ราคา OCC ลดลง นอกจากนี้จีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดที่นำเข้ากระดาษ recovered fiber จากสหรัฐและยุโรป คิดเป็น 40% และ 50% ของการส่งออกกระดาษ recovered fiber ของสหรัฐ และยุโรปในปี 2018

 

เราประเมินราคาเป้าหมายของ SCGP โดยการคำนวณ DCF ไปจนถึงปี 2025F ซึ่งเป็นปี terminal year ที่เราใช้ในการคำนวณ เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของกระดาษบรรจุภัณฑ์ค่อนข้างนิ่งอยู่ที่ 98-99% ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เราจึงใช้สมมติฐานอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ 98% ในช่วงปี 2020-25F และใช้สมมติฐานอัตราการใช้กำลังการผลิตกล่องที่ 80% ในปี 2020F และที่ 82% ในช่วงปี 2021-25F เราใช้สมมติฐานว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตของกระดาษพิมพ์และเขียนจะลดลงจาก 75% ในปี 2020F เหลือ 73% ในปี 2021 และ 69% ในปี 2023-25F จากกระแสการเปลี่ยนมาอ่าน e-book เราใช้สมมติฐาน risk-free rate ที่ 1.5% market risk premium ที่ 6.5% beta ที่ 1.0 และ terminal growth ที่ 1.0% ในปี 2025F ทำให้ได้ราคาเป้าหมายที่ 42.00 บาท คิดเป็น P/E ปี FY21F ที่ 20x

 

Disclaimer:  เอกสาร/รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นบนพื้นฐานข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณชน ซึ่งพิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม บมจ.หลักทรัพย์กรุงศรี มิอาจรับรองความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวได้ บทความดังกล่าวเป็นเพียงแนวคิดของผู้จัดทำเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุน บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงความเห็นหรือประมาณการต่างๆที่ปรากฏในเอกสาร/รายงานฉบับนี้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าดังนั้นนักลงทุนโปรดใช้ดุลพินิจอย่างรอบคอบในการพิจารณาการลงทุน

www.mitihoon.com