วัคซีนโควิด หนุนเศรษฐกิจและสินทรัพย์เสี่ยง

224

สัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการเพียง 2 วัน แต่มีหลายประเด็นที่น่าติดตามเพราะจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ทำการต่อไป โดยเฉพาะเรื่องสัมพันธ์ของสหรัฐฯกับจีน หลังจากประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เดินหน้านโยบายกดดันการค้ากับจีนต่อจากทรัมป์ รวมทั้งเรื่องที่สหรัฐฯ มีแผนจะประกาศมาตรการลงโทษเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน จากเรื่องการเมืองในฮ่องกง   ขณะที่การอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด หากไม่ทันภายในวันที่ 11 ธันวาคมจะส่งผลให้มีคนตกงานราว 13 ล้านคน เนื่องจากขาดเงินช่วยเหลือรอบใหม่  เบื้องต้นคาดว่าเงินช่วยเหลือดังกล่าวจะสามารถอนุมัติได้ก่อนราว 908 พันล้านเหรียญฯ  ส่วนงบอีกราว 1.4 ล้านล้านเหรียญนั้นยังคงต้องใช้การพิจารณาผ่านรัฐสภาสหรัฐฯ

ด้านประเด็นเรื่องวัคซีนโควิด ตลาดยังให้น้ำหนักในเชิงบวกกับแนวโน้มที่จะเริ่มมีการใช้วัคซีนในสหรัฐฯและอังกฤษ  ซึ่งทางประเทศอังกฤษจะเริ่มมีการฉีดวัคซีนจาก Pfitzer ให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และผู้สูงอายุในสัปดาห์นี้หากผลออกมาในทิศทางบวกจะช่วยให้หุ้นกลุ่มวัฎจักร (Cyclica) กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง ทางอังกฤษตั้งเป้าจะฉีดวัคซีนให้ได้ทั้งหมด 20 ล้านรายในช่วงสิ้นปีหน้า จึงเป็นข่าวบวกที่ทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น และทำให้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้น แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงขึ้น  เช่นเดียวกับราคาน้ำมัน ที่มีแนวโน้มขยับตัวขึ้นหลังจากประเทศซาอุฯ ปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบ  0.8 เหรียญ/บาร์เรล ในเดือน ม.ค. 2564

นอกจากนี้ประเด็นสำคัญอื่นน่าสนใจ ได้แก่ ความคืบหน้าเรื่อง Brexit ของอังกฤษ , การประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของญี่ปุ่นและยุโรป  และการประชุมธนาคารกลางยุโรปเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ย ในสัปดาห์นี้

ส่วนปัจจัยสำคัญในประเทศไทย คือ การแถลงมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่า  โดยภาพรวม การลงทุนในหุ้นไทยช่วงนี้  KTBST SEC มองว่าตลาดสะท้อนปัจจัยบวกไปค่อนข้างมาก แม้จะมีเงินทุนไหลเข้าอยู่ แต่จะเห็นการสลับลงทุนไปที่หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ , ธนาคาร และ ค้าปลีก  และอาจมีการสลับขายทำกำไรออกมาบ้างในช่วงสั้น

สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ  ยังคงแนะนำเหมือนสัปดาห์ผ่านมา  คือ ให้น้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ  ในกลุ่มสุขภาพ , กลุ่มเทคโนโลยี  โดยปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนในช่วงนี้คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และคุณภาพของวัคซีนจากทางอังกฤษ ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมีนัยต่อการเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มวัฏจักร แม้ว่าผลประกอบการจะยังไม่ฟื้นตัว แต่กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยเรื่องวัคซีนค่อนข้างสูง นอกจากนี้ KTBST SEC ยังให้น้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นจีน จากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2021 และความเป็นไปได้ของการผลิตวัคซีนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประเทศจีนมีโอกาสฟื้นตัวได้ดีกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาค

 

โดยคุณชาตรี  โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST SEC)

www.mitihoon.com