CBG ผลงานนิวไฮ ปี64ปั๊มรายได้โต20% (29/12/63)

251

มิติหุ้น-CBG คาดผลงานไตรมาส 4/63 แรงทุบสถิตินิวไฮ เป็น 5 ไตรมาสติดต่อกัน ส่วนปี 64 “ผู้บริหาร” ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20 % ดันออกสินค้าใหม่ในกลุ่ม C+LOCK  พร้อมขยายกำลังผลิตกระป๋องและขวดแก้วอีก 300 ล้านชิ้น กูรูเคาะราคาสูงสุด 181 บ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) โดยนักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มไตรมาส 4/63 กำไรทำ New high ต่อเป็นไตรมาสที่ 5 เนื่องจากโรงบรรจุกระป๋องใหม่เริ่มทำการผลิตทำให้รายได้ใน CLMV จะเติบโตได้ทั้งไตรมาสก่อนหน้าและยังเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเครื่องดื่มกลุ่มแอลกอฮอล์เป็น High season ส่วน อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดขยับขึ้นอีกมาอยู่ที่ราว 43.5 % จาก 41.6% ใน ไตรมาส3/63 โดยอาจทำระดับสูงกว่าจุดสูงสุดเดิมที่ 42.4% ในไตรมาส 1/63 หรือเติบคาดการณ์กำไรปกติเบื้องต้นที่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

ปี 64 ตั้งเป้าโต 20 %

ส่วนแนวโน้มรายได้ปี 64 บริษัทตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ฝ่ายวิจัยคาด +17% YoY) แบ่งเป็นรายได้ในประเทศตั้งเป้า เติบโต 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ต่างประเทศตั้งเป้าเติบโต 25%  โดยจะมีการออกสินค้าใหม่ในกลุ่ม C+LOCK อย่างน้อย 1 ตัว เมียนมาร์จะเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญมากขึ้น ปัจจุบันยังเน้นขายที่เพียง ย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์จึงยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แม้มีการระบาดของ COVID-19 ทำให้การขนส่ง ทางบกยากมากขึ้น จึงมีการปรับไปใช้การขนส่งทางเรือชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย ส่วน เวียดนามยจะกลับไปเดินหน้าต่อเมื่อเปิดประเทศ รายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่าย และ OEM ขวดแก้ว จะยังโตดีซึ่งจะทำให้ GPM ขยายตัวด้วย เนื่องจากมีสินค้าแอลกอฮอล์ที่ได้รับการตอบรับที่ดี

ขยายกำลังผลิตเพิ่ม

นอกจากนี้ยังมีการขยายกำลังการผลิตกระป๋องและขวดแก้วอีกอย่างละ 300 ล้าน ชิ้น/ปี หรือราว 20% จากกำลังการผลิตเดิม และในช่วงไตรมาส 1/64 บริษัทย่อย APM จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ กล่องกระดาษเพื่อใช้เองในกลุ่มได้ จะช่วยเพิ่มภาพลักษณ์สินค้าดูดีขึ้น และลดต้นทุนการผลิตหนุน GPM ขยายตัวต่อ นอกจากนี้การลงทุนเครื่องจักรใหม่ยังได้ BOI ทำให้ Effective tax rate ในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะต่ำกว่า 20%จากสินค้าใหม่ และตลาดใหม่ จึงปรับประมาณการกำไรปี 64 ขึ้น 11% เป็น 4,608 ล้านบาท เติบโต 27 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 152.50 บาท ขณะที่ด้านบทวิเคราะห์บล. เคีทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 181 บาท

www.mitihoon.com