FTREIT โชว์ผลงานแจ่ม ผู้ถือหน่วยทรัสต์ไฟเขียวทุกวาระ

83

FTREIT ประกาศผลประกอบการปีงบประมาณ 2563 (1 ตุลาคม 2562 ถึง 30 กันยายน 2563) มีรายได้รวม 3,048.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนได้เพิ่มขึ้นเป็น 0.6690 บาทต่อหน่วยทรัสต์ นอกจากนี้ มีอัตราการเช่าเฉลี่ยของทั้งปี อยู่ที่ร้อยละ 83.6

ที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ FTREIT อนุมัติการเพิ่มทุนแบบมอบอํานาจทั่วไป (General Mandate) สำหรับการออกหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม ในจํานวนไม่เกิน 846,716,114 หน่วย พร้อมทั้งอนุมัติวงเงินการกู้ยืมไม่เกิน 10,000 ล้านบาท เงินทุนจากการเพิ่มทุนและการกู้ยืมมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้สำหรับการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมหรือ เพื่อชําระหนี้การกู้ยืมที่จะถึงกําหนดชําระในอนาคต
กรุงเทพฯ 29 มกราคม 2564

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FIRM” ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ “FTREIT” ได้จัดประชุมสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ ประจำปี 2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยรายงานผลประกอบการของปีงบประมาณ 2563 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 กองทรัสต์มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,048.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 และรายได้จากการลงทุนสุทธิจำนวน 2,099.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.0 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ในปีนี้เนื่องด้วยสถานการณ์ที่ท้าทายจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในภาคการผลิต และ การขนส่งซึ่งบางส่วนเป็นผู้เช่าของกองทรัสต์ ดังนั้น กองทรัสต์จึงได้ให้การช่วยเหลือโดยการพิจารณาลดค่าเช่าเป็นรายบริษัทตามผลกระทบที่ได้รับ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้เช่าในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม จากการบริหารเชิงรุกของผู้จัดการกองทรัสต์จึงทำให้ในภาพรวมแล้ว ผลการดำเนินงานทางด้านการบริหารสินทรัพย์ของในปีงบประมาณ 2563 นั้น มีการเติบโตขึ้นโดยอัตราการเช่าเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ระดับร้อยละ 83.6 ซึ่งมีการเติบโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 4 ของงบประมาณ 2563 ผู้จัดการกองทรัสต์ได้เห็นถึงสถานการณ์ที่เริ่มมีการปรับตัวดีขึ้น อันเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสมีความรุนแรงลดลง ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้เช่าในการที่จะทำการต่อสัญญาเช่า และ เช่าทรัพย์สินกับกองทรัสต์เพิ่มเติม

สำหรับด้านการลงทุนของกองทรัสต์ ในปีที่ผ่านมา กองทรัสต์ได้เข้าลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพสูงของกลุ่มบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย และ กลุ่มบุคคลอื่นรวมทั้งสิ้น 60 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าการเข้าลงทุนประมาณ 4,908.0 ล้านบาท (ไม่รวม ภาษี ค่าธรรมเนียม และ ค่าใช้จ่าย) ทำให้พอร์ตโฟลิโอของกองทรัสต์ FTREIT มีพื้นที่ให้เช่ารวมเพิ่มขึ้น 192,537 ตารางเมตร ครอบคลุมพื้น 8 ทำเลยุทธศาสตร์ ที่ตั้งอยู่ใน 4 จังหวัด

ทั้งนี้ จากการเข้าลงทุนดังกล่าวทำให้กองทรัสต์มีสินทรัพย์ศักยภาพสูงเพื่อการอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งสิ้น 614 ยูนิต หรือ คิดเป็นพื้นที่เช่า 1,871,012 ตารางเมตร และทำให้ FTREIT ยังครองตำแหน่ง กองทรัสต์เพื่ออุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 41,143.6 ล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2563

ด้านนายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) เผยว่า “ปีที่ผ่านมาถือเป็นที่ท้าทายอย่างมากสําหรับกองทรัสต์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส   โควิด-19 ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศตลอดจนผู้เช่าของกองทรัสต์บางส่วน ทางผู้จัดการกองทรัสต์ได้บริหารจัดการเชิงกลยุทธ์อย่างเต็มความสามารถในระยะผ่านมา เพื่อลดผลกระทบต่อผลประกอบการและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้แก่กองทรัสต์ ส่งผลให้ปีงบประมาณ 2563 FTREIT มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และสามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนได้เพิ่มขึ้นเป็น 0.6690 บาทต่อหน่วยทรัสต์”

“สำหรับปี 2564 สถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังคงมีความท้าทาย FIRM ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ FTREIT ยังคงวางแผนการบริหารจัดการเชิงรุก เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 รอบใหม่ในประเทศ โดยมุ่งรักษาจำนวนผู้เช่าปัจจุบันของกองทรัสต์ และเพิ่มจำนวนผู้เช่าใหม่ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์โควิด-19 และอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตที่ดีเข้ามาในพอร์ตโฟลิโอของกองทรัสต์

อาทิ อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์และยา และอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น ตลอดจนเดินหน้าปรับปรุงและพัฒนาทรัพย์สินให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เช่ามากขึ้น ในส่วนของการบริหารเงินทุนในปีหน้านั้น ตามที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป ในจํานวนไม่เกิน 846,716,114 หน่วย และอนุมัติวงเงินการกู้ยืมในจำนวนรวมกันไม่เกิน 10,000 ล้านบาท จะเป็นส่วนสำคัญในการใช้เป็นเงินทุนในการสนับสนุนการเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพ และ มีศักยภาพในการเติบโตบนทำเลยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กองทรัสต์ต่อไป” นายพีระพัฒน์ กล่าวเสริม