ศบค.เคอร์ฟิวส์ 10 จว.เสี่ยงสูง3ทุ่มถึงตี4 มีผล 12 ก.ค.นี้

60

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) โดย “แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้พิจารณาสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่รุนแรง ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ ตามที่ศูนย์ปฎิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขเสนอ

โดยเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เป็น 10 จังหวัด ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล (นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร) และ 4 จังหวัดภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา)

พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) เป็น 24 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 19 จังหวัด) พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 25 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 16 จังหวัด) และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 18 จังหวัด (ลดลง 39 จังหวัด)

กำหนดแนวทางปฎิบัติในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เฉพาะ 6 จังหวัด (กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทปราการ สมุทรสาคร นครปฐม )

1.จำกัดการเคลื่อนย้ายและการดำเนินกิจกรรม ดังนี้

-ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ปฎิบัติงานในลักษณะ Work From Home ให้มากที่สุด

– ระบบขนส่งสาธารณะ ให้ปิดให้บริการช่วงเวลา 21.00-03.00 น.

-ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดให้บริการเวลา 20.00-04.00 น.

– ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมินูตี้มอลล์ ให้เปิดได้เฉพาะซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน เปิดให้บริการถึงเวลา 20.00 น.

-ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ห้ามนั่งทานอาหารในร้าน โดยให้เปิดถึงเวลา 20.00 น.

-ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค เช่นนวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม

– สวนสาธารณะ เปิดให้บริการสำหรับการออกกำลังการได้ถึงเวลา 20.00 น.

 นอกจากนี้ได้กำหนดแนวปฎิบัติสำหรับพื้นที่ 10 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

2. ห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็น และห้ามออกนอกเคหสถานเวลา 21.00-04.00 น. เว้นแต่มีความจำเป็นหรือได้รับอนุญาตเป็นรายกรณี

3. ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในแรงงานก่อสร้าง ยังเป็นไปตามข้อกำหนดที่ ศบค.ประกาศไว้

4. กำกับดูแลให้ประชาชนปฎิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล (DMHTTA) อย่างสูงสุด

ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. 64 เป็นต้นไป และให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ระดับสถานการณ์อื่นๆ

นอกจากนี้ให้หน่วยงานด้านความมั่นคง จัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ชุดลาดตระเวณ เพื่อกำกับดูแลการปฎิบัติอย่างเข้มงวด โดยให้พร้อมดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 64 เวา 06.00 น. เป็นต้นไป

ส่วนมาตรการด้านสาธารณสุข ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้เร่งรัดการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงระบบการตรวจหาเชื้ออย่างเพียงพอ ให้เร่งรัดนำระบบแยกกักแบบ Home Isolation และ Community Isolation เร่งรัดการจัดตั้ง ICU สนาม และรพ.สนาม รวมถึง รพ.สนามชุมชน

ให้มีการปรับแผนการฉีดวัคซีน โดยมุ่งเน้นผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวใน 7 กลุ่มโรค โดยให้จ่ายวัคซีนไฟเซอร์ เป็น Booster Dose ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์โดยเร็ว

https://lin.ee/cXAf0Dp